จัดด์ ทรัมป์ แม่นไม่เป็นรอง ขอจองเบอร์หนึ่งโลก

21 เม.ย. 60

ยุคสมัยของกีฬาสนุกเกอร์นั้นเปลี่ยนผ่านมาแล้วหลายสมัย ซึ่งในแต่ละยุคก็จะมีนักกีฬาระดับแม่เหล็ก ที่เป็นไอดอลดึงดูดผู้ชมไล่มาตั้งแต่ “มิสเตอร์สนุกเกอร์” โจ เดวิส ต่อด้วย “เดอะ เฮอร์ริเคน” อเล็กซ์ ฮิกกินส์ ที่เอนเตอร์เทนให้ชาวโลกรู้จักกีฬาประเภทนี้ “เทพบุตรคิวทอง” สตีฟ เดวิส ที่เปิดศักราชการแข่งขันถ่ายทอดสดผ่านทางทีวีจอสี เรตติ้งสูงสุดเป็นครั้งแรก มาจนถึง “มัจจุราชผมทอง” สตีเฟ่น เฮนดรี้ และ อัจฉริยะอินดี้ของยุคนี้ “เดอะร็อคเก็ต” รอนนี่ โอซุลลิแวน ที่แฟนๆ สนุกเกอร์รุ่นเด็กไปจนถึงรุ่นเดอะเฝ้าติดตามและฝึกฝน เพื่อหวังว่า สักวัน จะขึ้นมาเป็นดาวประดับใจในวงการสนุกเกอร์โลกบ้าง เฉกเช่นดาวดังคับฟ้าที่ครองใจแฟนๆ มาอย่างยาวนาน

เช่นเดียวกันกับหนุ่มน้อยหน้ามน จากเมืองบริสตอล อังกฤษ ที่ชื่อ จัดด์ ทรัมป์ ผู้คลั่งไคล้กีฬาประเภทนี้ไม่แพ้ใคร ซึ่งที่บ้านของเขาในวัยเยาว์นั้น ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรือแตกต่างจากเด็กน้อยทั่วไปในเมืองผู้ดีเลย คุณพ่อมีอาชีพรับจ้างขับรถบรรทุก ส่วนคุณแม่เป็นคนรับจ้างประกอบอาหาร แต่สิ่งที่ทรัมป์ได้รับจากคุณแม่คือ นิสัยขี้อาย พูดคุยไม่เก่งเอาเสียเลย และเมื่อเขาอายุได้สามขวบ สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาลได้เริ่มขึ้น เมื่อพ่อของเขาได้ซื้อโต๊ะสนุกเกอร์ขนาดเล็กให้ เพื่อหัดเล่นกีฬารูขยาด แทนที่ทรัมป์จะเบื่อหน่ายการเล่นกีฬาประเภทนี้เหมือนเด็กอื่นๆ แล้วไปเล่นกีฬาเบอร์หนึ่งอย่างฟุตบอล ทรัมป์กลับหลงใหลสนุกเกอร์อย่างหัวปักหัวปำ เขาลงแข่งขันครั้งแรกเมื่ออายุเพียงหกขวบ โดยยืนแทงลูกบนลังกระดาษ พอตอนอายุเก้าขวบก็ได้รับสปอนเซอร์สนับสนุนเป็นครั้งแรก โดยเวลานั้นเองทรัมป์ได้รับเชิญชวนจาก World Snooker ซึ่งเห็นแววทางสนุกเกอร์ของเขา ให้เข้าไปพบกับไอดอลของเขาที่กำลังลงแข่งรายการเวลช์ โอเพ่น ซึ่งก็คือ รอนนี่ โอซุลลิแวน นั่นเอง ตั้งแต่ตอนนั้นมาทรัมป์และร็อคเก็ตก็ได้เป็นเพื่อนรักต่างวัย และมีผู้จัดการส่วนตัวคนเดียวกันคือ Django Fung ชาวฮ่องกง โดยเมื่อถึงวัย 10 ขวบ ทรัมป์ก็คว้าแชมป์เยาวชนนานาชาติรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปีมาครองได้สำเร็จ และอายุ 13 ขวบ ทรัมป์สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วเกาะอังกฤษ เมื่อคว่ำอดีตมือ 6 ของโลกอย่างไมค์ ฮาร์เล็ตต์ ในการแข่งขันรายการสมัครเล่นรายการหนึ่ง

โดยครอบครัวของทรัมป์นั้นได้ให้การสนับสนุนบุตรชายเป็นอย่างดีในช่วงที่เขายังละอ่อน ทั้งการทำงานอย่างหนักเสมือนไม่มีวันหยุดพักผ่อน เพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางแข่งขัน และติดตามลูกชายไปในการแข่งขัน เหมือนเป็นผู้จัดการส่วนตัว ในปัจจุบันทรัมป์ตอบแทนคุณพ่อ คุณแม่ ด้วยการให้ทั้งสองบริหารที่จอดรถ ซึ่งเขาลงทุนเปิดให้ครอบครัว และที่เหลือเชื่อกว่านั้นคือ ทรัมป์ไม่เคยมีโค้ชส่วนตัว ในการติวเข้มการฝึกซ้อมเหมือนนักสนุกเกอร์ระดับโลกคนอื่นๆ ซึ่งการออกคิวของทรัมป์นั้น โค้ชระดับโลกหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า วิธีการแทงของเขาแตกต่างจากตำราอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นคนแทงซ้ายแต่ใช้ตาขวาในการเล็ง แต่ด้วยพรสวรรค์และพรแสวง ทำให้ทักษะในตัวเขาที่มี เบ่งบานตั้งแต่เป็นเด็ก จนกระทั่งทรัมป์เทิร์นโปร เขาได้ย้ายเข้ามาฝึกซ้อมที่รอมฟอร์ด ในปี 2005 ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์นักสนุกเกอร์ระดับโลก ซึ่งตอนนั้นจัดด์ต้องเอาชนะความว้าเหว่ในการจากบ้านมาอยู่อพาร์ตเมนต์คนเดียว ต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการซักผ้า ใช้เครื่องอบผ้า หาอาหารรับประทานเอง ซึ่งก่อนหน้านี้คุณแม่เป็นคนดูแลให้ทุกอย่าง เป็นเวลาหลายปี รวมทั้งต้องต่อสู้กับความกดดันจากสื่อมวลชนที่บอกว่า เขาอาจจะเป็นดาวรุ่งตลอดกาล เพราะหลังจากเทิร์นโปรนั้นเขาใช้เวลา 6 ปี ในการหาโทรฟี่ให้กับตัวเอง ต่างจากรุ่นพี่ที่เป็นไอดอลค้างฟ้าหลายๆ คน ที่สอยแชมป์ได้ภายหลังเปลี่ยนสถานะจากมือสมัครเล่นเป็นมืออาชีพได้ไม่นาน

       จากแชมป์แรกที่เมืองจีน “ไชน่า โอเพ่น” เมื่อปี 2011 จนถึงรายการล่าสุดที่ทรัมป์เพิ่งได้มาประดับบารมีคือรายการ “Players Championship 2017” ที่คว่ำ “มังกรอันตราย” มาร์โก้ ฟู เกาจุน ไป 10-8 เฟรม ซึ่งนับนิ้วดูแล้วตั้งแต่ลงเล่นในระดับอาชีพมา ทรัมป์คว้าแชมป์ไปทั้งหมด 7 รายการ ทั้งๆ ที่ในปีนี้เค้าน่าจะกวาดไปได้อีก 3 รายการคือ “อิงลิช โอเพ่น” “เวลช์ โอเพ่น” และ “ยิบรอลตาร์ โอเพ่น” จากที่เข้าชิงฯ ทั้งหมด เพราะจากการเล่นในสไตล์เร้าใจแฟนๆ ทั่วโลก กับการเล่นแบบสู้ทุกเม็ด เช็ดทุกไม้ ม้วนเดียวจบ แต่สลบถ้าฟัดจมูก ของเขาเป็นดาบสองคม ในวันที่เค้าเข้าฟอร์ม ทรัมป์คือนักสนุกเกอร์ที่แม่นที่สุดในตอนนี้ ลูกขาวอยู่ตรงไหนคู่แข่งก็เหงา แต่ถ้าวันไหนหลุดฟอร์ม ลูกยาวไม่มา ทรัมป์ก็เศร้าเองแทนที่จะเป็นคู่แข่ง หลายรายการจัดด์นำมาตลอดแบบสบายๆ แต่แทงลูกง่ายๆ ให้ชนะชัวร์ๆ เค้าไม่เล่น กลับเลือกลูกยากเพื่อซื้ออนาคตปิดเกมในไม้เดียว แล้วไม่ลง ทำให้พลิกผันแพ้ไป ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าตัวคงปรับปรุงในจุดนี้ เพื่อเป้าหมายในการคว้าแชมป์โลกที่ครูซิเบิ้ลเธียเตอร์มาครอง และก้าวขึ้นนั่งบัลลังก์อันดับหนึ่งของโลก แทนที่ มาร์ค “เดอะ ชาร์ค” เซลบี้

เพื่อสร้างยุคสมัยแทนที่ขวัญใจของเขาในวัยเด็กอย่าง “รอนนี่ โอซุลลิแวน” ให้จงได้

 

รีสตาร์ท

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 413)