อดีตแชมป์โลกเจ็ดสมัยผู้ไม่เคยเกรงใครหน้าไหน “สตีเฟ่น เฮนดรี้”

12 มิ.ย. 60

ในยุคของเขาที่ยังโลดแล่นอยู่ในวงการสักหลาดสีเขียวและโต๊ะหกหลุมนั้น ไม่มีเกจิอาจารย์สำนักใดกล้าปฏิเสธว่า เขาคือเบอร์หนึ่งที่ไม่เป็นสองรองใครในตอนนั้น จากมาตรฐานการเล่นและความสำเร็จสูงลิบที่ทำไว้ ยากที่ใครจะมาเทียบเคียง ชั้นวางถ้วยรางวัลที่บ้านของเขาอัดแน่นไปด้วยถ้วยแชมป์มากมาย ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของบ้านยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศที่คว้ามา อาทิเช่น แชมป์โลก 7 สมัย แชมป์เดอะมาสเตอร์ 7 สมัยเช่นกัน แชมป์บริติชโอเพ่น 4 สมัย แชมป์สนุกเกอร์รายการกรังปรีซ์อีก 4 สมัย แชมป์รายการยูโรเปี้ยนโอเพ่น 3 สมัย และแชมป์เวลช์โอเพ่นอีก 3 สมัย รวมถึงการทำแม็กซิมั่มเบรกอีก 11 ครั้งตลอดการเล่นสนุกเกอร์อาชีพ สรุปเบ็ดเสร็จคว้าแชมป์ไปทั้งหมด 78 รายการจากการลงแข่งขันทั้งหมด

ตั้งแต่ปีที่เขาคว้าแชมป์แรกในการเล่นอาชีพคือรายการ กรังปรีซ์ ในปี 1987 ภายหลังจากเทิร์นโปรได้ 2 ปี เฮนดรี้ได้สถาปนาตัวเองในการที่จะครองยุคสมัยของวงการสนุกเกอร์ ให้อยู่ภายใต้ผมบลอนด์สีทองของเขาไว้ได้อย่างชัดเจน จากการคว้าแชมป์ต่าง ๆ ต่อจากนั้นเป็นว่าเล่น รวมถึงรูปแบบการเล่นที่เป็นแบบอย่างให้นักสนุกเกอร์รุ่นหลังเอาแบบอย่าง และติดตาตรึงใจแฟน ๆ สนุกเกอร์ทั่วโลกที่เฝ้าชมการแข่งขันไม่ว่าจะเป็น สไตล์การเล่นที่เหนียวแน่นหนึบเป็นตังเม Short Selection ที่ขาวกระจายกลุ่มแดงแล้วจะเลือกเล่นลูกง่ายก่อน ไม่เล่นลูกยาก ทำให้เมื่อเข้าเบรกผิดพลาด คู่ต่อสู้จะเล่นยากเพราะไม่มีลูกง่าย ๆ ให้เก็บ เบสิกการเล่นแน่นมาก เข้าเบรกลูกครึ่งโต๊ะชัวร์สุด ๆ โค้ชระดับโลก เกจิอาจารย์ ผู้สันทัดกรณีหลาย ๆ สำนัก ยกให้เขาเป็นผู้เล่นที่เข้าเบรกยาว ๆ และลูกป้องกันได้ดีที่สุดคนหนึ่งที่เคยมีมา และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่จดจำซึ่งถือเป็นเครื่องหมายการค้าของ “The Golden Boy” คือลูกเพชรฆาตในการปิดเกมและปิดแมตช์ ภายหลังจากสร้างโอกาสเองได้แล้วหรือคู่ต่อสู้พลาดพลั้งแล้วละก็ เตรียมตัวยกมือให้เฮนดรี้เป็นผู้ชนะได้เลยไม่ว่าจะปะทะกับใครก็ตาม เพราะเฮนดรี้จะเข้าเบรกจากโอกาสนั้นได้แบบแนบเนียนไร้รอยต่อ ชนิดหาตัวจับยากแบบสุด ๆ แล้วเร่งเครื่องเข้าวินไปภายใต้ความกดดัน การันตีด้วยมือวางอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันยาวนานถึง 8 ปี (ในปี 1990 ถึงปี 1998) ที่เฮนดรี้นั่งบัลลังก์สูงสุดของวงการสนุกเกอร์โลก

จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่และยืนยงของเฮนดรี้เกิดจากการที่คุณพ่อและคุณแม่ของเขา กอร์ดอนและไอรีน ซื้อโต๊ะสนุกเกอร์ให้เขาในวันคริสมาสต์ในปี 1981 ในราคา 137 ปอนด์ มันอาจจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ สำหรับใครหลาย ๆ คน แต่เป็นสิ่งที่จุดประกายให้เฮนดรี้พัฒนาฝีมือในการเล่นสนุกเกอร์ของเขาขึ้นมาอย่างมาก โดยในระหว่างนั้นเอง เฮนดรี้ก็เข้าเบรกยาวอย่างน้อย 50 แต้ม ในการเล่นที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ และก่อนหน้านั้นไม่นานเจ้าตัวเพิ่งกดเซ็นจูรี่เบรกแรกที่คลาสสิค สนุกเกอร์ เซ็นเตอร์ เมืองดัมฟรีย์

ในช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่น เฮนดรี้มุมานะและฝึกซ้อมอย่างหนัก อีกทั้งตัวเขายังได้รับความสนใจจาก เอียน ดอยล์ ซึ่งต่อมาภายหลังได้กลายเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเฮนดรี้ และตอนนั้นเขาได้กลายเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวางเมื่อลงเล่นในรายการระดับสมัครเล่น สกอตติช แชมป์เปี้ยนชิพ โดยจัดการเผด็จศึก ซัน ลี ในรายการนั้นและคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ต่อมาในเดือนกรกฎาคมปี 1985 หนุ่มผมบลอนด์วัยเพียง 16 ปีก็เทิร์นโปรในการเล่นอาชีพ แล้วก็ได้แชมป์อีกครั้งในรายการสกอตติช โปรเฟสชั่นแนล แชมป์เปี้ยนชิพ ในปีต่อมา

ในการเล่นระดับอาชีพ เฮนดรี้ไต่อันดับแรงกิ้งของตัวเองอย่างรวดเร็ว และได้รับการยอมรับจากผู้แข่งขันระดับตำนานอย่าง “มิสเตอร์ แม็กซิมั่ม” วิลลี่ ธอร์น ที่แม้ไอ้หนุ่มผมทองจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 8-10 เฟรม แต่ก็ได้รับการปรบมือจากธอร์น เมื่อเขาเดินออกจากโต๊ะแข่งขันหลังจบเกมในการลงเล่นครั้งแรกที่ครูซิเบิ้ล เธียเตอร์ ในรายการชิงแชมป์โลก ปี 1986 ซึ่งมันคุ้มค่ามากในเมื่อเขาเพิ่งจะเริ่มจับไม้คิวเพื่อเล่นอย่างจริงจังได้เพียง 4 ปีเท่านั้นเอง แล้วมาปะทะกับมือระดับโลกที่เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในขณะนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก

แต่ความสำเร็จมันไม่ได้มาอย่างง่ายดายเมื่อในปี 1987 เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของการเล่นระดับทัวร์นาเมนต์ในสกอตแลนด์ ซึ่งต้องเล่นเป็นซีรีย์ เฮนดรี้ต้องเจอกับ “เทพบุตร คิวทอง” สตีฟ เดวิส ที่กำลังจะทะยานเป็นสุดยอดผู้เล่นอีกคนหนึ่ง เฮนดรี้โดนทุบไปแบบแหลกละเอียด 6-0 โดยที่แทบไม่ได้มาออกอาวุธตอบโต้เลย อย่างไรก็ตามทำให้เขาได้รับบทเรียนจากการเล่นครั้งนั้นว่า การแพ้แบบนี้รุนแรงเหลือเกิน ซึ่งต่อมาไม่นานเขาก็กลับมากวาดชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง

The Golden Boy คว้าโทรฟี่แรกให้ตัวเขาเองในระดับอาชีพเมื่อปี 1987 ในรายการ Australian Masters ที่ออสเตรเลีย โดยการเอาชนะมือดีในยุคนั้นมาได้เรียบวุธไม่ว่าจะเป็น “เดอะ กรินเดอร์” คลิฟฟ์ ธอร์นเบิร์น “เดอะ เฮอริเคน” อเล็ก ฮิกกินส์ และคว่ำ ไมค์ ฮาร์เล็ต ในรอบชิงชนะเลิศ ต่อจากนั้นก็คว้าโทรฟี่เก็บคะแนนสะสมแรงกิ้งโลกได้เป็นรายการแรกเช่นกันในรายการ กรังปรีซ์ เมื่อเอาชนะเหนือคู่ปรับเก่าอย่าง สตีฟ เดวิส ไปได้ในรอบ 16 คน ก่อนกรุยทางไปกำราบ “ไอ้แว่นโต” เดนนิส เทย์เลอร์ในรอบชิงชนะเลิศ 10-7 เฟร

ในฤดูกาล 1989/1990 มัจจุราชผมทอง เดินหน้ากวาดแชมป์อย่างเมามันส์ ไม่ว่าจะเป็นรายการ UK Championship ที่เป็นแชมป์สมัยแรก โดยย้ำแค้นให้ สตีฟ เดวิส ในรอบชิงฯ ไปอีกคำรบด้วยสกอร์ 16-12 เฟรม และป้องกันแชมป์นี้ได้อีกในปีถัดมา โดยเป็นคู่รักคู่แค้นคนเดิมที่ต้องกินน้ำใบบัวบกอีก เพราะเดวิสพ่ายไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด 15-16 เฟรม และเข้าป้ายในรายการ เอเชียน โอเพ่น ที่เอาชนะ “ไทย ทอร์นาโด” ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ที่กำลังสดจากไร่ไปแบบหายห่วง 9-2 เฟรม ซึ่งไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดในปีนั้นคือ การคว้าแชมป์โลกที่ครูซิเบิ้ล เธียเตอร์ไปครอง ด้วยการตะปบ “สิงห์อีซ้าย” จิมมี่ ไวท์ที่ตอนนั้นกำลังหนุ่มฟ้อ เจอกับใครใส่หมดแม็กซ์ แต่พอมาเจอไอ้หนุ่มรูปหล่อจากแดนวิสกี้ก็ไปไม่เป็น 18-12 เฟรม สร้างประวัติศาสตร์ที่ยืนยงคงมาถึงปัจจุบันเมื่อเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้ และเป็นชาวสก็อตต่อจาก วอลเตอร์ โดนัลด์สัน ที่ได้แชมป์รายการนี้ในปี 1950

โดยหลังจากนั้นเป็นต้นมา จิมมี่ ไวท์ ก็กลายเป็นงูเหลือมกับเชือกกล้วย เมื่อโคจรมาเจอกับเฮนดรี้ในรอบชิงชนะเลิศรายการชิงแชมป์โลกอีก 3 ครั้ง แต่ก็แพ้ให้กับเฮนดรี้ไปทุกครั้ง จนกระทั่งเฮนดรี้นั้นรีไทร์ ถึงขนาดที่ว่าสื่อต่าง ๆ ถึงกับเก็งไว้ในยุคนั้นเลยว่า จิมมี่จะเป็นแชมป์อย่างแน่นอนซักสมัยนึง ถ้าไม่ได้ปะทะกับเฮนดรี้ในรอบชิงฯ

สำหรับในช่วง 1990-1998 เป็นยุคทองของเฮนดรี้ เขาคือผู้เล่น 1 ใน Big Four ของวงการสนุกเกอร์ ซึ่งประกอบไปด้วย รอนนี่ โอซุลลิแวน, จอห์น ฮิกกินส์ และ มาร์ค เจ วิลเลียมส์ ซึ่งทุกคนกำลังเป็นหนุ่มรุ่นกระทง ที่กำลังแทงได้แบบไม่เกรงใครหน้าไหนทั้งสิ้น แต่สุดท้ายเมื่อโคจรมาเจอกันแล้ว ส่วนมากก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายให้กับจอมคิวผมทองจากแดนวิสกี้คนนี้ และได้รับเกียรติยศสูงสุดเมื่อได้รับพระราชทานยศชั้น MBE จากทางราชวงศ์ของประเทศอังกฤษอีกด้วย

เฮนดรี้แขวนคิวเลิกเล่นสนุกเกอร์อาชีพในเดือนพฤษภาคมปี 2012 โดยรับงานเป็นผู้บรรยายกีฬาประเภทนี้ ที่เค้าคลุกคลีมาตลอดเกือบค่อนชีวิตให้กับทางช่อง ITV และ BBC ของอังกฤษ

ผลงานที่มัจจุราชผมทองฝากไว้ให้วงการสนุกเกอร์นั้น เป็นเหมือนกำแพงตระหง่านให้กับนักสนุกเกอร์ ผู้หลงใหลในกีฬาชนิดนี้ในยุคของเขาแทบทุกคน ที่จะเล่นให้ได้เหมือนอย่างเขา บางคนถอดแบบเบสิกการยืนมาแบบเป๊ะ ๆ การสาวคิวสี่ครั้งครึ่งก่อนแทง ฝึกวางน้ำหนักขาวกลับมาที่ชิ่งหัวโต๊ะ การทำหน้าตายไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์กดดันแบบไหน เพราะทุกคนที่เลียนแบบเพราะอยากจะแทงเก่งเหมือนเฮนดรี้ ถ้าเทียบกับยุคนี้ก็ต้องเป็นไอดอลที่ผู้คนคลั่งไคล้สุด ๆ แต่จากบัดนั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีใครขึ้นไปทาบรัศมีได้ ที่ใกล้เคียงก็คงจะเป็น “เดอะ ร็อคเก็ต” รอนนี่ โอซุลิแวน ในการที่จะทำลายสถิติของเฮนดรี้ได้ แต่ทว่าความอินดี้ที่มีอยู่ในตัวของเขานั้นยากที่ใครจะคาดเดาได้ว่า เขากำลังตั้งใจจะทำลายสถิติที่ยังอยู่ของเฮนดรี้หรือไม่ แต่เชื่อเหลือเกินว่าแฟน ๆ สนุกเกอร์อยากที่จะเห็นนักสนุกเกอร์รุ่นใหม่ขึ้นมาทาบรัศมีที่คงกระพันของมัจจุราชผมทองคนนี้ให้จงได้

 

รีสตาร์ท

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 415)