ลีลาพญาเซียน - โม่ง เฉลิมโลก

22 ก.พ. 61

ย่านประตูน้ำในยุคซิกตี้ เป็นแหล่งที่มีโต๊ะสนุกเกอร์มากมายหลายแห่ง ทั้งในตลาดเฉลิมโลก และฝั่งตรงข้ามถนนเพชรบุรี ที่เป็น “ตลาดเฉลิมลาภ” ก็มีโต๊ะสนุกเกอร์อยู่ชั้นสาม มาฝั่งถนนราชปรารภ เลยศูนย์การค้าอินทราไปก็มีสมาคมมิตรสัมพันธ์ หรือเรียกกันในหมู่เซียนสนุกเกอร์ว่า “โต๊ะอินทรา”

ที่ตรงนี้เป็นตำนานชุมนุมพญาเซียนทั้งหลาย ยืดยาวจนล่วงมาถึงต้นยุคเซเวนตี้ ย่านนี้มีโต๊ะสนุกเกอร์อีกแห่งหนึ่ง เลยสี่แยกประตูน้ำไปทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อยู่บนอาคารชั้นสองและชั้นสาม ฝั่งตรงข้ามกับโรงภาพยนตร์เพชรรามา สี่แห่งที่ใกล้กัน แน่นอนที่แต่ละแห่งย่อมมีนักสนุกเกอร์ชั้นดี เป็นมือหนึ่งประจำอยู่ทุกโต๊ะ

โต๊ะในตลาดเฉลิมโลก เป็นโต๊ะเก่าแก่ที่สุดประจำประตูน้ำ อยู่ในตลาดสด เป็นอาคารขึ้นไปชั้นสองจะมีโต๊ะสนุกเกอร์ตั้งเรียงรายหกเจ็ดโต๊ะ จะมีสองโต๊ะที่เป็นโต๊ะประจำสำหรับนักสนุกเกอร์เจ้าถิ่นขาประจำ ที่ค่อนข้างมีฝีมือ และเล่นได้เสียกัน ส่วนโต๊ะที่เหลือก็เป็นพวกมือสมัครเล่นบ้าง หัดเล่นบ้าง จะเล่นกันแต่ในกลุ่มตัวเอง นักสนุกเกอร์ต่างถิ่นหากคิดจะขึ้นมาหาคู่เล่น และมีเดิมพันติดปลายคิวบ้าง ก็ต้องไปนั่งดูอยู่ระหว่างโต๊ะสองโต๊ะดังกล่าว

ไม่นานก็ต้องมีใครวางคิวยอมแพ้ คนชนะก็พร้อมที่จะรอเจอะกับมือต่อไป นักสนุกเกอร์ที่เดินสายมา หากสังเกตว่า ฝีมือพอจะสู้กันได้ ก็ลงไปจับคิวแทน มือดีประจำโต๊ะจะไม่ยอมหนี เพราะถือดีว่า ตนเองก็ฝีมือระดับแนวหน้าบนโต๊ะนั้น  สู้กันไปจนเห็นว่า นักสนุกเกอร์ต่างถิ่นมีฝีมือไม่ธรรมดา ก็อาจยอมวางคิว และมีนักสนุกเกอร์เจ้าถิ่นคนอื่น ที่ฝีมือดีกว่าลงมาสวมแทน สามารถจะเล่นกันได้ทั้งวัน เพราะนักสนุกเกอร์ที่นี่ที่พร้อมจะรับแขกทุกรายมีเป็นสิบ

หากมือดีต่างถิ่นมาซุ่มเล่นมาเป็นอาทิตย์ จนไม่มีโครจะสู้แล้ว ก็เป็นคิวของ “เซียนโม่ง” มาทำหน้าที่ต้อนรับนักสนุกเกอร์เดินสายผู้นั้น ความจริงนักสนุกเกอร์สุดยอดหัวแถวของโต๊ะตลาดเฉลิมโลกที่ฝีมือใกล้เคียงกันมีถึง ๓ คน คนหนึ่งคือ “ฮุย ประตูน้ำ” แต่เซียนท่านนี้ไม่ค่อยอยู่ประจำ ชอบเดินสายไปเล่นที่อื่น อีกท่านหนึ่งคือ “หวิล เฉลิมโลก” ท่านนี้มีดีกรีเป็นดาราภาพยนตร์ รับบทดาวร้ายในหนัง จึงเข้าโต๊ะไม่เป็นเวลา

ก็เหลือ “เซียนโม่ง เฉลิมโลก” ที่อยู่ประจำ เซียนโม่งเป็นเจ้าของร้านกาแฟอยู่บนอาคารนั้น ปกติจะเล่นกับคู่ต่อสู้ที่เป็นขาประจำกัน มือแปลกหน้าเข้ามาไม่ทันถึงมือเซียนโม่ง ก็วางคิวกลับบ้านไปก่อน เพราะที่แห่งนี้ มีนักสนุกเกอร์ชั้นดีมากมาย และกล้าเล่นกับนักสนุกเกอร์แปลกหน้าด้วย

หากจะพูดถึงการเดินสายของ “เซียนโม่ง” ที่เป็นวิถีนักสนุกเกอร์มือดีในยุคซิกตี้ที่ทุกคนเคยผ่านประสบการณ์มา ก็จะมีแต่ “เซียนโม่ง เฉลิมโลก” ที่ไม่เคยเดินสายไปไหนเลย มักจะถูกนักสนุกเกอร์อื่นแหย่กันว่า “ดีแต่เฝ้าถ้ำ”

แต่การเฝ้าถ้ำประจำที่ของเซียนโม่ง ทำให้โต๊ะสนุกเกอร์ที่นี่คึกคัก สนุกสนาน เพราะมือดีต่างถิ่นได้ข่าวว่ามีมือคอยต้อนรับแขก ก็จะแวะเวียนขึ้นไปบ่อย อย่างน้อยมีคู่เล่นแน่นอนคือ “เซียนโม่ง” ซึ่งหนีไม่พ้นที่มือดีระดับไหนแปลกหน้าเข้ามา และนักสนุกเกอร์เจ้าถิ่นรับไม่ไหวแล้ว ถึงจะถูกส่งมา

ดังนั้น ถึงแม้เซียนโม่ง จะไม่เคยเดินสายเหมือนเส้นทางของเซียนสนุกเกอร์ในยุคนั้น แต่เซียนโม่ง ก็วัดฝีมือกับเซียนสนุกเกอร์มามากหน้าหลายตา มากกว่าเซียนประจำโต๊ะแห่งอื่น ๆ เพราะ เซียนสนุกเกอร์เดินสายแทบทุกราย จะต้องเคยแวะไปที่โต๊ะสนุกเกอร์แห่งนี้ และเคยวัดฝีมือกับเซียนโม่งมาแล้ว นักสนุกเกอร์ที่เล่นประจำที่นี่ถึงไม่ได้เล่น ก็จะต้องขึ้นมาแวะเพื่อได้ดูนักสนุกเกอร์ชั้นดีในยุคนั้นปะทะฝีมือกัน ที่นี่จึงพลุกพล่านและสนุกสนาน

และต้องมีการถือหางเล่นพนันวงนอกเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะยุคซิกตี้นั้น พวกในวงการมวย สนามม้า โต๊ะสนุกเกอร์ มักจะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน การเล่นวงนอกในยุคนั้น ยังไม่มีแบบ “เล่นเช็ง” แต่เล่นเดิมพันกันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในแต่ละเกม ระหว่างเกมก็เล่นต่อรองเหมือนเล่นมวย มีการให้ราคาต่อรองกันไปตลอด

วงการสนุกเกอร์ยุคนั้น จึงเป็นสถานที่ให้ความบันเทิงกลาย ๆ ไปอย่างหนึ่ง

“เซียนโม่ง” เป็นนักสนุกเกอร์สไตล์บ็อกเซอร์ มีชั้นมีเชิง รอจังหวะ และถนัดไปในทางเก็บยาวแค่สองสามชุดแล้วชิ่ง ไม่ใช่ประเภทไฟเตอร์ที่เปิดเกมรุก เอาความแม่นยำเข้าแลก สไตล์การเล่นของเซียนโม่งจึงยืนระยะอยู่ได้ในยุคนั้น ที่ยังไม่มีผีลาย ยังไม่มีไฟฟ้า ยังไม่มี “เช็งนอก” ใครที่เดินสายขึ้นไป ไม่ใช่ว่าจะเคี้ยวหรือผ่านเซียนโม่งได้ง่าย ๆ บางรายต้องเวียนขึ้นไปหลายครั้งกว่าจะกวาดเดิมพันออกมาจากโต๊ะได้

ไม่ใช่เป็นลีลาของเซียนเดินสาย ที่แกล้งทำเงินหล่นไว้ก่อน พอวันหลัง ๆ ก็มากวาดเอาคืนอีกหลายเท่าตัว ด้วยเดิมพันมีมากขึ้น แต่เป็นเพราะ ที่โต๊ะเฉลิมโลกนี้คนมีสตางค์เยอะ หากเซียนโม่งจับคิวดวลตัวต่อตัวกับนักสนุกเกอร์เดินสายเมื่อใด เหมือนมีมหกรรม ทั้งโต๊ะก็แน่นขนัด คนแถวนั้นบอกปากต่อปาก ก็หยุดขายฝากร้านขึ้นมาดู พร้อมรวมเงินกองเป็นเดิมพันถือหางเซียนโม่ง

ใครปราบเซียนโม่งได้ก็เท่ากับกินเงินจากพ่อค้าแถวตลาดเฉลิมโลกได้เกือบหมดทั้งตลาด ไม่ว่าจะ คนขายข้าวมันไก่ คนขายบุหรี่ฝรั่ง คนขายผ้าเช็ดตัว คนขายกระเป๋าเดินทาง คนขายลาบ และสารพัดที่ตั้งแผงริมถนนราชปรารภ คนพวกนี้ ว่างก็ขึ้นมาเล่นสนุกเกอร์เป็นประจำอยู่แล้ว

จึงนับถือว่า เซียนโม่งเป็นปรมาจารย์สนุกเกอร์ของพวกเขา ยินยอมพร้อมใจที่จะออกทุนให้เซียนโม่งวัดฝีมือกับนักสนุกเกอร์เดินสาย ไม่ว่าจะเป็นใคร หากว่า นักสนุกเกอร์คนนั้นไม่ใช่ระดับเซียนแถวหน้าของเมืองไทย ที่เคยได้ยินชื่อเสียง และคุ้นเคยหน้าตา

โต๊ะตลาดเฉลิมโลก จึงเป็นแหล่งที่นักสนุกเกอร์มือดีจากต่างจังหวัด และเพิ่งเดินสายเล่นในกรุงเทพฯ ที่ยังใหม่ ไม่มีใครรู้จักหน้า ชื่อเสียง และระดับ ฝีมือ ต้องเดินสายไปถึง

อย่างน้อยก็จะต้องได้เคยปะทะกับเซียนโม่ง เฉลิมโลก มาแล้วทั้งสิ้น

“เซียนโม่ง เฉลิมโลก” เป็นตำนานนักสนุกเกอร์ที่ต้อนรับแขกหรือปะทะกับเซียนสนุกเกอร์เดินสาย มาแล้วแทบจะทุกคน

 

วันชัย เทียมทัด

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 423)