"สินธุ" คืนตำแหน่งประธานคัดเลือกตัวให้ "ศักดา" ส่วนการลาออกให้ยกเลิก เนื่องจากขัดต่อข้อบังคับ

12 พ.ค. 59

สืบเนื่องจากนายศักดา รัตนสุบรรณ ได้ขอลาออกจากอุปนายกสมาคมฯ ด้วยสาเหตุทีมสอยคิวไม่สามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยได้รับการอนุมัติจากนายกฯ เรียบร้อย แต่ล่าสุด กกท. สั่งการให้ผู้บริหารสมาคมฯ ต้องใช้คณะกรรมการชุดเดิม 13 คน ตามที่มีการแต่งตั้งเมื่อปี 2557 ตาม พ.ร.บ. กีฬาฉบับเดิม

ตามที่นายศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทยพร้อมที่ปรึกษาสมาคมฯ นายสุนทร จารุมนต์ ในฐานะผู้จัดการทีมสนุกเกอร์-บิลเลียด ไปแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อกลางปี 2558 ซึ่งตั้งเป้าไว้ต้องได้ 2 เหรียญทอง แต่เนื่องจากทำไม่ได้โดยได้แค่ 1 ทอง 1 เงิน 3 ทองแดง ส่งผลให้นายศักดา-นายสุนทร ประกาศลาออกหลังจบซีเกมส์ และได้รับการอนุมัติจากนายกสมาคมฯ เรียบร้อยแล้ว และเมื่อ 21 เม.ย. มีการประชุมใหญ่โดยมี นายศักดา รัตนสุบรรณ และนายสุรศักดิ์ วีระพงษ์ ซึ่งเป็นคณะกรรมการและขอลาออกไปแล้วแต่กลับมาร่วมประชุม จึงเป็นที่ข้องใจของสมาชิกจึงเป็นเหตุให้ นายธัชนาถ ทองประกอบ ผอ.กองพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กกท. ออกมาชี้แจงว่า คณะกรรมการชุดที่ทำการจดทะเบียนหลังการเลือกตั้งในปี 2557 ยังไม่ครบวาระ จึงต้องบริหารต่อจนถึงปี 2561 สาเหตุมาจาก สมาคมฯ จดทะเบียนล่าช้าในช่วงที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ. กีฬาฉบับใหม่ และสมาคมกีฬาบิลเลียดฯ ได้เลือกนายกฯ และคณะกรรมการก่อนมีการประกาศใช้ พ.ร.บ. ฉบับใหม่ปี 2558 ซึ่งสมาคมฯ มีการเลือกตั้งนายกฯ และคณะกรรมการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 แต่มาขอจดทะเบียนจาก กกท. เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2558 ดังนั้นจึงต้องใช้ พ.ร.บ. กีฬาฉบับเดิมที่กำหนด 2 ปีไปก่อน จนครบวาระในปี 2561 ถึงกลับมาใช้ พ.ร.บ. กีฬาฉบับใหม่ต่อไป

และเมื่อเป็นดังนี้ นายศักดา-นายสุรศักดิ์ ที่เคยยื่นใบลาออก จึงต้องกลับมาทำหน้าที่ตามเดิม โดยนายศักดาเป็นอุปนายกสมาคมฯ ฝ่ายจัดการแข่งขันและคัดเลือกนักกีฬา ส่วนนายสุรศักดิ์เป็นประธานฝ่ายประสานองค์กร ซึ่งทางสมาคมฯ ต้องคืนตำแหน่งนี้ให้กับนายศักดาและนายสุรศักดิ์ต่อไป โดยอุปนายกฝ่ายกฎและระเบียบ พล.ต.ต.ดิสสทัต ภูริปโชติ อาสาจะแจ้งให้นายสินธุ พูนศิริวงศ์ นายกสมาคมฯ คืนตำแหน่งให้ตามที่ กกท. แจ้งมา