"คิวทอง" เปิดตำนาน 7 แชมป์โลกไทย ประเดิม "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย"

6 พ.ย. 56

"คิวทอง" เปิดตำนาน 7 แชมป์โลกไทย

ไม่ น่าเชื่อ สนุกเกอร์ ที่เคยถูกคนรุ่นปู่รุ่นย่าประณามว่าเป็น “เกมกุ๊ย” ใครเข้าไปสัมผัสย่อมเป็นคนไม่ดี ดังนั้นคนเป็น พ่อ-แม่ ในยุค 40 ปีก่อนจึงกีดกันมิให้ลูกหลานย่างกายเข้าไปในโต๊ะบิลเลียด หากจับได้ว่าเข้าไปในสถานที่ว่าจะถูก ลงโทษ อย่างรุนแรงจนลูกเล็กเด็กแดงยุคนั้นต่างกลัวไม่กล้าย่างกาย

แต่ 30 ปีที่ผ่านมาปรากฏว่า ผู้ปกครอง เริ่มคล้อยตามไม่กีดกันลูกหลานเช่นแต่ก่อนเมื่อกำเนิด “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยการคว้าแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 3 ณ ประเทศศรีลังกาด้วยวัยเพียง 14 ปีใน พ.ศ.2529 ด้วยการโค่นแชมป์เก่าจากฮ่องกง แกรี่ ก๊อก ครองแชมป์เอเชียสมัยที่ 2 ในปี 2531 โดยชนะดาวรุ่งของฮ่องกง เคนนี่ ก๊อก ณ ประเทศศรีลังกาและครั้งที่ 3 ได้แชมป์โดยการชนะ เหมย ซิเวน ในถิ่นที่เมืองจีนเมื่อปี 2532 และเมื่อปี 2531 ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ไปคว้าแชมป์สมัครเล่นโลกที่กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียด้วยการปราบแชมป์จากอังกฤษ แบรี่ ปรินส์เชส 11-8 เฟรม

จากการที่ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย สามารถสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปลุกกระแสคนไทยหันมาใส่ใจกับเกมสนุกเกอร์ที่แต่ก่อนเคยถูกคนทั่วไปประณามเป็นเกมของเด็กเหลือขอซึ่งหลายคนเชื่อกันว่า ใครถือไม้กอล์ฟคือผู้ดี แต่ถ้าถือไม้คิวคือพวกกุ๊ย

เด็กยุคนี้อาจไม่รู้ความหมายของคำว่า กุ๊ย ซึ่งในอดีตเป็นวลีติดปากคนยุคนั้นที่เอ่ยถึง เด็กเกเรที่ไม่รักดีหรือพวกที่ไม่อยากเรียนหนังสือจนทำให้ พ่อ-แม่ เบื่อระอา เมื่อเข้าไปหมกมุ่นอยู่ในโต๊ะสนุกฯจึงเหมาเอาว่าเป็น แหล่งมั่วสุมทำให้เด็กเสียอนาคต ที่จริงโต๊ะบิลเลียดในยุค 40 ปีก่อนก็น่าจะเป็นดังที่ ผู้ปกครอง ต่างวิตกกังวลและห้ามปรามลูกหลานเข้าไปสถานที่นี้ เนื่องจากโต๊ะบิลเลียดยุคนั้นเป็น แหล่งมั่วสุมตามข้อกล่าวหาจริง โต๊ะบิลเลียดสมัยนั้นส่วนใหญ่เป็นโรงไม้เก่าๆติดพัดลม ผู้ที่เข้าไปเล่นก็แต่งกายแบบสบายคือ ใส่กางเกงขาสั้น (ลากเกี๊ยะ) เดินเสียงดังจนน่ารำคาญ คำว่าเกี๊ยะเชื่อว่าเด็กยุคนี้คงไม่รู้จักจึงถือโอกาสอธิบายให้ทราบว่าเป็น รองเท้า สวมใส่แบบรองเท้าแตะในยุคนี้แต่ เกี๊ยะ ทำด้วยไม้โดยมียางรถยนต์หนาประมาณ 3 นิ้วใช้รัดปลายนิ้วเพื่อใช้ลากเดิน โต๊ะสนุกเกอร์ในยุคที่ว่าเป็นแหล่งมั่วสุมจริง หลายโต๊ะ สูบกัญชา-สูบฝิ่นอย่างเสรี เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีกฎหมายห้ามสูบกัญชาและฝิ่น ในโต๊ะสนุกเกอร์จึงรวมบรรดาขี้ยาตลอดจน พวกโจรห้าร้อย ที่เข้ามาวางแผนการปล้นโดยมารวมตัวก่อนลงมือทำงานในโต๊ะสนุกฯเป็นประจำ ดังนั้นโต๊ะสนุกฯหลายแห่งมักจะเกิดการตีรันฟันแทงและฆ่ากันตายมากมายจนถือเป็นเรื่องปกติ

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปเพราะมีฝรั่งชาวอังกฤษที่มาปักหลักทำมาหากินในไทยจนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นกรรมการใหญ่ของ ราชกรีฑาสโมสร หรือสนามฝรั่ง (สระปทุม) ชื่อ มอริส เคอร์ ได้รื้อฟื้นจัดการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์ประเทศไทยหลังจากที่ร้างรามานานเพราะหนสุดท้ายจัดที่สโมสรสมาคมชาวปักษ์ใต้ ซอยกิ่งเพชรเมื่อปี 2513 จากนั้นก็ไม่มีการแข่งขันเพิ่งจะมาจัดอีกทีในปี 2526 ซึ่งปรากฏว่า วิเชียร แสงทอง (เซียนกิ๊ด นครสวรรค์) เอาชนะ มงคล กั้นฝากลาง (ตึ๊ก โคราช) น่าเสียดายที่อดีตแชมป์ประเทศไทย 4 สมัย วิเชียร แสงทอง บัดนี้ไปอยู่อีกโลกซึ่งเสียชีวิตในขณะวัยใกล้ 70 ปีที่บ้านพักย่านดอนเมือง กว่าชาวบ้านจะรู้ว่า มีคนตาย ก็ทราบจากกลิ่นศพเนื่องจาก วิเชียร เสียชีวิตกว่า 3 วัน ชาวบ้านจึงรู้ เนื่องจากอดีตเซียนดังมีโรคประจำตัวมากมายและอยู่ตามลำพัง ส่วนลูกสาวไปอยู่อีกบ้าน สำหรับคู่ชิงแชมป์ปีนั้น ตึ๊ก โคราช ปัจจุบันวัย 82 เดินเหินไม่ถนัดอาศัยอยู่กับหลานที่ซอย 48 ย่านรามคำแหง

 

"ย.โย่ง" เอกชัย นพจินดา แสดงความยินดีกับ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย โดยมีสุนทร จารุมนต์ ที่สองทางขวา ร่วมแสดงความยินดี เมื่อปี 2532
"ย.โย่ง" เอกชัย นพจินดา แสดงความยินดีกับ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย โดยมีสุนทร จารุมนต์ ที่สองทางขวา ร่วมแสดงความยินดี เมื่อปี 2532

หลังจากที่ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย คว้าแชมป์เอเชียเป็นสมัยที่ 2 ป๋าธนิต ตันติเมธ เจ้าของอาคารมิตรเดือนเด่นที่ทุ่มเทแบบสุดหัวใจให้กับวงการสอยคิวโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทุกครั้งที่ นักกีฬาไทย ไปแข่งขันต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นในเอเชียหรือ อังกฤษ-สก๊อตแลนด์-ฝรั่งเศส ป๋าธนิต จะเป็นผู้ควบคุมและออกค่าใช้จ่ายให้ นักกีฬา โดยมีพันธมิตรร่วมขบวนไปกันหลายคนอาทิ สุนทร จารุมนต์-คิวทอง และ คุณหมอ (คู่ขาสามกอง) ของ ป๋าธนิต อีกคน

วงการสนุกเกอร์ตื่นตัวสุดๆในปี 2531 หลังจาก ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ปราบแชมป์อังกฤษด้วยสกอร์ 11-8 ทำให้กลุ่มคนไทยในซิดนีย์เกือบ 30 คนจัดงานเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารไทย กลางใจเมืองซิดนีย์ และในงานเลี้ยงครั้งนี้ทำให้ “คิวทอง” ศักดา รัตนสุบรรณ เลิกเป็น “ขี้ยา” ด้วยการจับไมค์ประกาศท่ามกลางคนไทยขอ เลิกบุหรี่โดยเด็ดขาด พร้อมกับขว้างซองบุหรี่ยี่ห้อวินตันพร้อมไฟแช็คดูปองซ์ตกอันละหลายสตังค์ทิ้งทันที ท่ามกลางผู้คนที่แสดงความยินดีและให้กำลังใจที่ คิวทอง จะเลิกบุหรี่ถาวรโดย โฆษกนักเรียนไทย ถามว่าทำไมถึงมาเลิกบุหรี่หลัง ต๋อง ได้แชมป์โลกซึ่งผมเองก็ยืนยันไปว่า เคยอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์หาก เจ้าต๋อง คว้าแชมป์โลกจะเลิกบุหรี่ทันทีและตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้เวลาล่วงเลยกว่า 25 ปี “คิวทอง” ก็เลิกบุหรี่อย่างถาวรจึงถือโอกาสขอบคุณ เจ้าต๋อง ที่ทำให้อดีตขี้ยาสามารถเข้าสังคมอย่างสง่าผ่าเผยไม่ต้องคอยหลบไป อัดบุหรี่ เหมือนแต่ก่อนซึ่งก่อนหน้านี้เคย ประกาศเลิกหลายครั้งหลายคราแต่ทำไม่สำเร็จสักที

ย้อนหลังในวันที่ ต๋อง คว้าแชมป์โลก เจ้าภาพ จัดให้เล่นเซ็คชั่นแรก 9 เฟรมเวลา 13.00 น.หลังจากการแข่งขันผ่านไป 4 เฟรม ต๋อง ขึ้นนำ 3-1 คิวทอง ต้องรีบระเห็จจากสนามแข่งขันจับแท็กซี่มุ่งหน้าไป ร้านอาหารไทย ซึ่งอยู่ห่างจากสนามแข่งขันประมาณครึ่งชั่วโมง ไปถึงร้านบ่ายสองโมงกว่า ร้านยังไม่เปิด เพราะที่นั่นกฎหมายค้าขายเข้มงวดมากจะเปิดร้านได้ต้อง 17.00 น. เมื่อเป็นดังนี้ คิวทอง จึงต้องขออนุญาตเด็กเฝ้าร้านเข้าครัวเองด้วยเมนูที่เจ้าต๋องชอบคือ กระเพราะไก่ไข่ดาว แถมด้วย ต้มยำกุ้ง อีก 1 ที่กว่าจะถึงสนามก็ใกล้จบ 8 เฟรมซึ่ง แบรี่ ปรินส์เชส ไล่จี้มาติดๆตามหลังในเซ็คชั่นแรก 5-4 เฟรม จากนั้นจึงพักการแข่งขันเพื่อไปเล่นต่อในเวลา 19.00 น. โดยช่วงหลังนี้ ต๋อง เล่นได้ดีผิดหูผิดตาเอาชนะ ปรินส์เชส ไปแบบหายใจรดต้นคอเพราะชนะ 11-8 ซึ่งหากใครได้ชมการแข่งขันต้องบอกว่ากว่าจะชนะได้แต่ละเฟรมเรียกว่าเฉือนกันในช่วงท้ายๆ

 

หลังจากได้แชมป์โลก ต๋อง ก็ขึ้นเทิร์นโปรในเวลาถัดมาซึ่งปรากฏว่าในปีแรกโชว์ผลงานยอดเยี่ยมโดยการเอาชนะมืออันดับสูงๆของโลกอาทิ แกรี่ วิลกินสัน อันดับ 5 เอาชนะอดีตแชมป์โลก 2 คนรวดทั้ง จอห์น พาร์ร็อต และ เดนนิส เทย์เลอร์ นอกจากนั้นยังเอาชนะ “ไอ้หัวเหม่ง” วิลลี่ ธอร์น เจ้าของสถิติ แม็กซิมั่ม ที่ทำได้มากที่สุด และในเวลาถัดมาชื่อของ ต๋อง หรือฝรั่งให้ฉายา เจมส์วัฒนา หรือ “ไทยทอร์นาโด” ก็ดังระเบิดเถิดเทิงด้วยการทำ แม็กซิมั่มเบรก ในการเล่นกับ โทนี่ ดราโก้ ยอดฝีมือจากมอลต้า

ช่วงนั้นต้องเรียกว่า ต๋องฟีเวอร์ ลูกเด็กเล็กแดงรวมถึงบรรดาผู้ปกครอง ต่างหันมาสนใจกีฬาสอยคิวโดยเฉพาะ “เจ้าแม่ช่อง 7 สี” คุณสุรางค์ เปรมปรีด์ สั่งให้มีการถ่ายทอดสดทุกครั้งที่ ต๋องลงสนาม ไม่ว่าจะดึกดื่นยังไงจะมีสปอนเซอร์หนุนหรือไม่ ช่อง 7 ต้องถ่ายทอดสด ดังนั้นแฟนทั่วประเทศจึงรู้จักและเห็นฝีมือ ต๋องทั่วปฐพี

แต่ระยะหลังๆมีแฟนสนุกเกอร์ (บางท่าน) แสดงความคิดเห็นไม่อยากให้ ช่อง 7 สีถ่ายทอดสดนัดที่ ต๋องลงสนาม โดยการอ้างถ่ายทอดสดทีไร เจ้าต๋องปราชัยทุกที ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเพราะการถ่ายทอดสดในรอบลึกมากเท่าใด ต๋อง ต้องเจอกระดูกมากขึ้นเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับช่อง 7 สีสักหน่อย

 

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษให้การต้อนรับ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย มืออันดับ 3 ของโลกเมื่อปี 2532 ที่บ้านสี่เสา
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษให้การต้อนรับ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย มืออันดับ 3 ของโลกเมื่อปี 2532 ที่บ้านสี่เสา

จากปี 2531-2536 เรียกว่าวงการสอยคิวดังระเบิดเถิดเทิง สถานบันเทิงหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ โรงโบว์ลิ่ง ต่างปรับสถานที่เป็นที่เล่นสนุกเกอร์กันหมด ซึ่งไม่ผิดหวังกับผู้ลงทุนเพราะโต๊ะยุคนั้นแน่นเอี๊ยดทุกแห่งถึงขนาด บริษัทขายโต๊ะ ซึ่งมีกัน 4-5 แห่งขายเหมือนเททิ้งเทท่าฟาดกำไรเจ้าละกว่า 100 ล้านต่อปี ที่เห็นได้ชัดเจนคือยี่ห้อ พัฒนาการ ถัดมาก็เป็นยี่ห้อทีบีซี.ของ คุณสุพงษ์ พงษ์พรรณเจริญ และโต๊ะรุคส์ของคนตระกูล โชติดำรงค์

ในช่วงปี 2533 ในขณะที่ เจมส์วัฒนา สร้างเซอร์ไพรส์ให้ฝรั่งตะลึงด้วยการแทงแม็กซิมั่มเบรก 147 แต้มในการแข่งขันกับ โทนี่ ดราโก้ นักสนุกเกอร์ชาวมอลต้า แต่ดีใจไม่กี่ชั่วโมงความเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ก็เกิดกับ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย นั่นคือผู้บังเกิดเกล้า โกวิน ภู่โอบอ้อม ซึ่งตั้งชื่อขึ้นมาเองโดยไม่ต้องอาศัยพระซึ่งคำว่า โก แปลว่า ไป ส่วนคำว่า วินคือชนะ สรุปแล้ว โกวิน คือไปเพื่อชนะแต่ ฉ่อย ซู่ซ่าส์ ไปที่ไหนมักหมดกลับมาทุกทีจนแฟนๆให้ฉายา ฉ่อย ซู่ซ่าส์ “ไม่มีไม่มา ไม่หมดไม่กลับ” และยังเคยตอบโต้สักวากับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีเจ้าของหนังสือพิมพ์ มติชน โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ แต่งสักวาถามฉ่อย ซู่ซ่าส์ ไว้ดังนี้

สักวา นั่งมอง ต๋อง ศิษย์ฉ่อย
แทงสนุก เลิศลอย หาใครสู้
นั่งชมศิษย์ ทำให้คิด ไปถึงครู
อยากจะรู้ ว่าฉ่อย นั้นคือใคร
ทำอะไร อยู่ที่ไหน ใคร่ขอถาม
จะได้ตาม ไปเป็นศิษย์ พิศมัย
ชื่อคึกฤทธิ์ ศิษย์ฉ่อย น้อยเมื่อไร
จงเห็นใจ ตอบสารา มาหน่อยเอย

หลังจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แต่งสักวาถาม ฉ่อย ซู๋ซ่าส์ ผู้ให้กำเนิดเด็กมหัศจรรย์ช่วงเวลาไม่กี่วัน ฉ่อย ซู่ซ่าส์ ก็หาคำตอบมาบอกอดีตนายกรัฐมนตรีด้วยสักวากินใจดังนี้

สักวา นั่งมอง ตรองจนดึก
ต้องมานั่ง คิดลึก นึกหดหู่
ท่านคึกฤทธิ์ จะให้ ไปเป็นครู
ทั้งอยากรู้ ว่าฉ่อย นั้นคือใคร
ฉ่อย ซู่ซ่าส์ รู้ข่าว แล้วไข้กลับ
คนระดับ คึกฤทธิ์ พิสมัย
ชีวิตนี้ เกิดมาแล้ว ไม่เสียดาย
แม้ว่าตาย มีคึกฤทธิ์ ศิษย์ฉ่อยเอย

ช่วงนั้นต้องยอมรับว่า วงการสอยคิวโด่งดังชนิดที่ไม่มีใครไม่รู้จักสนุกเกอร์ และหากเอ่ยถึงสนุกเกอร์ทุกคนก็ต้องยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าวงการนี้ดังได้เพราะ ต๋อง ศิษยฉ่อย ผู้จุดประกายให้วงการสนุกเกอร์ไทยรวมถึงทั่วทั้งเอเชียตื่นตัวจนเกิดการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์แห่งเอเชีย หนแรกโดยการริเริ่มของ มอริส เคอร์ เมื่อปี 2527 โดย ศักดิ์ชัย ซิมงาม เป็นแชมป์เอเชียคนแรกแต่ปี 2528 เสียให้ แกรี่ ก๊อก (ฮ่องกง) พอปี 2529 ต๋อง ศิษย์ฉ่อย แย่งกลับคืนในขณะที่อายุเพียง 14 ปีและเป็นชัยชนะแบบขาดลอย 8-1 เฟรมพอปี 2530 อุดร ไข่มุกค์ แย่งแชมป์ไปจาก ต๋อง ในการแข่งขันที่มาเลเซีย ต๋อง กลับมาครองแชมป์เอเชียอีกครั้งในปี 2531 ด้วยการชนะ  เคนนี่ ก๊อก (ฮ่องกง)  หลังจาก ต๋อง ขึ้นไปเล่นอาชีพแชมป์เอเชีย ก็มีการเปลี่ยนมือเป็น ยาชิน เมอร์ช้านส์ (อินเดีย) ที่เอาชนะ อุดร ไข่มุกค์ ในปี 2532 และปี 2533 ก็ถึงคิวมาเลเซียโดย แซมชอง นักสนุกเกอร์หนุ่มผู้กำลังมาแรง ไล่ต้อน  สแตนลี่ เหลียง (ฮ่องกง) ชนะขาดลอย 8-1 เฟรมจากนั้นแชมป์เอเชียก็กลับมาอยู่กับไทยโดย ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์ (ต่าย พิจิตร) ชนะ ยาชิน เมอร์ช้านส์ (อินเดีย) ในปี 2536 ไทยเข้าชิงกันเองโดย ประพฤติ ชัยธนสกุล (รมย์ สุรินทร์) ชนะ ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์ ในการแข่งขันที่จีน และในปีถัดมา ออย ชิน เคย์ ดาวรุ่งมาเลเซียก็แย่งแชมป์เอเชียด้วยการชนะ สมพร กันธวัง (เบิ้ม เชียงใหม่) ในการแข่งขันที่บังกลาเทศ จากนั้นไทยก็ครองเจ้าเอเชียติดต่อ 3 ปีรวด 2538 อนุรัฐ วงษ์จันทร์ (เต่า หลังสวน) ชนะ เทพไชย วรไตรภพ 2539 อนันต์ เตรนานนท์ ชนะ อำนวยพร โชติพงษ์ (โอ ระยอง) 2540 อนุรัฐ วงษ์จันทร์ คว้าแชมป์สมัยที่ 2 ชนะ มาร์ลอน มานาโล (ฟิลิปปินส์) ในปี 2541 โมฮัมหมัด ยูซุป นักสอยคิวปากีสถานครองแชมป์เอเชียด้วยการชนะ ภิรมย์ ฤทธิ์ประสงค์ (รมย์ สระบุรี) ไปแบบฉียดฉิว 9-8 เฟรมในการดวลคิวที่ปากีสถานและในปี 2542 นพดล นภจร (หนู ดาวดึงส์) ได้แชมป์เอเชียต้อน แซมชอง (มาเลเซีย) 8-4 เฟรมหลังจากเคยได้แชมป์โลกเมื่อปี 2534

สรุป 16 ครั้งในการแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชียปรากฏว่า ไทย คว้าแชมป์ถึง 11 ครั้งโดยเข้าชิงกันเองถึง 6 ครั้งสรุปแล้ว 16 ปีที่มีการแข่งขัน ไทย สามารถเข้าชิงชนะเลิศทุกครั้ง จนหลายชาติขยาดถึงขนาดขอร้อง สินธุ พูนศิริวงศ์ ให้ส่งมือรองๆมาแข่งบ้างเพื่อให้หลายชาติมีโอกาสคว้าแชมป์ แต่ไม่น่าเชื่อเวลาผ่านไปไม่นาน จีน ผงาดเป็นเจ้าเอเชียและเป็นเจ้าโลกในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ จีน ส่งนักกีฬาแข่งขันชิงแชมป์เอเชียตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งถือว่า จีน อยู่สายไหนคือ ตัวแถม ซึ่งทุกชาติยิ้มหน้าบานแต่หลังจากกำเนิด ดิง จุนฮุย เมื่อปี 2545 แชมป์เอเชียก็ตกอยู่กับจีนเป็นส่วนใหญ่โดยช่วงนั้น จิ้นหลง กำลังมาแรง

สำหรับ เจมส์วัฒนา หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย หลังหมดโศกเลิกเศร้าจากการจากไปของบุพการีก็หันมาฝึกซ้อมจริงจัง จนอันดับโลกผงาดขึ้นไปอยู่หมายเลข 3 ซึ่งช่วงนั้นเป็นรองเพียง 2 คนคือ สตีฟ เดวิส ครองแชมป์ต่อเนื่องแล้วต่อด้วย สตีเฟ่น เฮนดรี้ซึ่งในเวลาต่อมา เฮนดรี้ ก็แย่งมือ 1 และสร้างสถิติแชมป์โลก 7 สมัยเหนือ สตีฟ เดวิส จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถลบสถิติ เฮนดรี้

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปอายุของ ต๋อง เริ่มมากขึ้นฝีมือก็เริ่มลดน้อยถอยลงซึ่งถือเป็น สัจธรรม ที่ทุกคนไม่อาจฝืนสังขารและหลีกเลี่ยง จากอันดับ 3 ค่อยๆหล่นลงเรื่อยจนกระทั่งหลุดทำเนียบ มืออาชีพ ปัจจุบันยืนหยัดเล่นอาชีพเพราะได้เป็นมือ ไวล์การ์ด ซี่งเป็นการสนับสนุนของสมาคมกีฬาบิลเลียดซึ่งมีความผูกพันกับประธานสนุกเกอร์โลก แต่ในฤดูกาลหน้าหาก ต๋อง ทำอันดับโลกต่ำกว่า 64 ต้องถูกเตะออกไม่มีสิทธิ์ได้เล่นอาชีพอีกต่อไป จึงได้แต่เอาใจช่วยในฤดูกาลนี้ต้องลุ้น ต๋อง ให้ทำอันดับต่ำกว่า 64 ซึ่งขณะนี้ต๋องอยู่ในช่วงอันตรายเพราะล่าสุดอันดับยังอยู่ 59 ถือว่าเฉียดฉิวกับการได้เล่นอาชีพในฤดูกาลหน้า

ฉบับนี้เกริ่นเรื่องราวของอดีตแชมป์สมัครเล่นโลกคนแรกพอสังเขป ฉบับต่อไปถึงคิวแชมป์โลกคนที่ 2 นพดล นภจร หรือ หนู ดาวดึงส์ ผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการสอยคิวไทยโดยการปะทะกับ ต๋อง ในขณะที่ หนูอายุ 13 ปีและ ต๋อง อายุ 11 ปีซึ่งการพิสูจน์ฝีมือเมื่อ 32 ปีสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากใครที่ได้ชมเด็กคู่นี้แสดงฝีมือต่างติดตาตรึงใจไปตามๆกัน ฉบับหน้าพบ หนู ดาวดึงส์ แชมป์สมัครเล่นโลก คนที่ 2

"คิวทอง"