"คิวทอง" เปิดตำนาน 7 แชมป์โลกไทย คนที่ 7 "แจ๊ค สระบุรี"

4 พ.ค. 57

 

เผลอ แป๊บเดียว "คิวทอง" เปิดตำนานแชมป์โลกครบ 7 คน ฉบับประจำเดือน พฤษภาคม ซึ่งเป็นคิวของ เดชาวัต พุ่มแจ้ง (แจ๊ค สระบุรี) แชมป์สมัครเล่นโลก (คนสุดท้าย) และเดาไม่ออกบอกไม่ได้ แชมป์โลก จะกลับมาเมืองไทยอีกหรือไม่ เพราะยิ่งเนิ่นนาน มาตรฐานของ นักสอยคิว แต่ละชาติ ก็ยิ่งพัฒนาขึ้นเป็นทวีคูณ ถึงขนาดนำหน้า คนไทย อย่างเห็นชัดเจนคือ จีน แถมที่กำลังไล่หลังและมีแนวโน้มจะแซงก็คือ อินเดีย ตามด้วย อิหร่าน-ยูเออี และ ปากีสถาน หากสมาคมฯ ยังนิ่งเฉยเหมือน "ยุงกัดเขาควาย" เชื่อว่าอีกไม่นาน สอยคิวไทย ที่เคยนำหน้าทุกชาติในเอเชีย ก็จะถูกลดอันดับมาอยู่ท้ายๆ เนื่องจาก 3 ปีล่าสุด นายกสอยคิว สินธุ พูนศิริวงศ์ พ้นตำแหน่งประธานสหพันธ์สนุกเกอร์แห่งเอเชีย ทำให้วงการสนุกเกอร์หงอยเหงา อีกทั้ง นายกฯ สินธุ ทำท่าท้อและเบื่อวงการถึงขนาด ไม่ยอมเดินทางออกนอกประเทศเหมือนเก่า ทั้งที่มีการแข่งขัน ชิงแชมป์โลก-ชิงแชมป์เอเชีย ปล่อยให้นักกีฬาสู้แบบเดียวดาย ไม่คึกคักเหมือนช่วงที่ยังทำหน้าที่ ประธานสหพันธ์สนุกเกอร์เอเชีย

แชมป์โลกคนสุดท้าย (คนที่ 7) เดชาวัต พุ่มแจ้ง หรือ แจ๊ค สระบุรี เป็นลูกชายคนที่สองของ พ่อบุญมี-แม่กาญจนา พุ่มแจ้ง ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2521 ตามหลังพี่ชาย ขวัญ พุ่มแจ้ง 3 ปี เนื่องจาก ขวัญ เกิดเมื่อ 2 ม.ค. 2518 ที่จังหวัดสระบุรี โดยครอบครัว พุ่มแจ้ง อยู่ในฐานะไม่สู้ดี หัวหน้าครอบครัว ต้องปากกัดตีนถีบ สู้ชีวิตสู้งานทุกรูปแบบ เพื่อหาเงินส่ง ลูกชาย 2 คนได้ศึกษาเล่าเรียนเหมือน ลูกคนมีอันจะกิน และจากครอบครัวที่ไม่สู้ดี ทำให้ ขวัญ-แจ๊ค กลายเป็นเด็กแข็งแกร่ง สู้ชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก โดยช่วยครอบครัวหาเงินทุกวิถีทาง และด้วยเหตุนี้ทำให้ 2 พี่น้องหันมาสนใจกีฬาสอยคิว เนื่องจากข้างบ้านมีโต๊ะบิลเลียด จึงหัดเล่นหัดแทง จนฝีมือเข้าขั้น จึงมีผู้ใหญ่สนับสนุนออกเงินให้ เล่นเดิมพัน และจากการได้เล่นพนันบ่อยครั้ง ทำให้ ขวัญ ได้เงินส่วนแบ่งจากชัยชนะมาช่วยเหลือครอบครัว ทั้งที่อายุเพียง 15 ปี และเมื่อหาเงินได้ง่าย ผู้เป็นน้อง แจ๊ค จึงเดินตามรอยพี่ชาย ด้วยการฝึกหัดอย่างจริงจัง และไม่นาน ฝีมือ ก็ใกล้เคียงพี่ชาย จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่ กรุงเทพมหานคร ด้วยการสมัครแข่งขันสนุกเกอร์เยาวชนประเภทอายุต่ำกว่า 16 ปี ซึ่งขณะนั้นมีดาวรุ่งดาวเด่นมาสมัครกันมาก และที่โดดเด่นกว่าใครคือ แจ๊ค มีนบุรี ซึ่งเป็นคู่ชิงแชมป์เยาวชนกับ แจ๊ค สระบุรี ซึ่งผลการดวลคิว 2 แจ๊คปรากฏว่า แจ๊ค สระบุรี เอาชนะ แจ๊ค มีนบุรี ไปแบบสนุก 4-3 เฟรม ได้เป็นแชมป์เยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปีคนแรก

จากนั้นก็ฟิตซ้อมต่อเนื่องพร้อม เดินสาย ไปทุกหนแห่งที่มีการประลองฝีมือ ซึ่งส่วนใหญ่ แจ๊ค เป็นฝ่ายมีชัย จนกระทั่งถูกเรียกตัวเข้าเป็น ทีมชาติ ในขณะที่อายุ 23 ปี โดยช่วงแรกไม่โดดเด่นนัก เพราะในช่วงนั้นมียอดฝีมือที่เหนือกว่า แจ๊ค อยู่หลายคน อาทิ หนู ดาวดึงส์-เบิ้ม เชียงใหม่-ตัวเล็ก สำโรง-บิ๊ก สระบุรี-แซก โซโฟน โดย แจ๊ค สระบุรี เข้าร่วมทีมชาติในฐานะ ตัวสำรอง เพื่อร่วมแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศมาเลเซีย แต่เนื่องจากกฎ-ระเบียบ การกีฬาแห่งประเทศไทย ไม่อนุมัติให้มี ตัวสำรอง นักกีฬาทุกคนที่ไปแข่งขันจะต้องเล่นเป็นตัวจริง แต่เนื่องจาก ไทย ส่งนักสนุกเกอร์แข่งซีเกมส์ได้เพียง 5 คนจาก 3 ประเภทคือ เดี่ยว-คู่ และ ทีม ดังนั้น แจ๊ค สระบุรี จึงเป็นส่วนเกินที่ทาง "คิวทอง" ประธานกรรมการคัดเลือกนักกีฬาจำเป็นต้องโยก แจ๊ค มาเล่นบิลเลียดอยู่ในทีมของ รมย์ สุรินทร์-ดร เมืองชล และ วัช หาดใหญ่ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ทีมบิลเลียด คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ทำให้ แจ๊ค สระบุรี เริ่มมีกำลังใจ และอยากเล่นทีมชาติมากขึ้น

เนื่องจาก แจ๊ค สระบุรี มีความถนัดในการเล่นสนุกเกอร์ แต่เมื่อไม่อาจแย่งคิว หนู ดาวดึงส์-ตัวเล็ก สำโรง-เบิ้ม เชียงใหม่-แซก โซโฟน ซึ่งช่วงนั้นฝีมือทุกคนใกล้เคียงและโดดเด่นมาก แจ๊ค จึงต้องเบนเข็มไปเล่นคิวสปอร์ตชนิดอื่นในการแข่งขัน ซีเกมส์ หนต่อมาที่ประเทศบรูไนในปี 2546 โดยคราวนี้ คิวทอง มอบหมายให้ แจ๊ค เล่นพูล 9 ลูก ซึ่งการแข่งขันหนนี้มี ฟ้าชายบรูไน ทรงร่วมแข่งขันด้วย และถือเป็นเกียรติกับนักกีฬาไทยคือ เต็ก หัวหิน ลงปะทะฝีมือกับ ทายาทกษัตริย์บรูไน ซึ่งผลการแข่งขัน เต็ก เอาชนะไปอย่างสบาย เนื่องจากฝีมือ ฟ้าชายบรูไน ยังห่างไกล และในปี 2550 ซีเกมส์ที่นครราชสีมา แจ๊ค สระบุรี ก็ถูกส่งแข่งพูล 9 ลูก โดยต้องพบกับ ฟ้าชายบรูไน ซึ่งปรากฏผล แจ๊ค เอาชนะไปอย่างง่ายดาย แต่เมื่อเจอเจ้าของแชมป์โลกจาก ฟิลิปปินส์ ในรอบถัดไปก็ต้องพ่ายตกรอบ

 

 

แจ๊ค สระบุรี ยังเวียนว่ายอยู่กับ ทีมชาติ และทุกครั้งที่มีการแข่งขัน ซีเกมส์-เอเชี่ยนเกมส์ จะมีชื่อติดอยู่ในทีมอย่างต่อเนื่อง แม้การแข่งขัน เอเชี่ยนเกมส์ ที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ เมื่อปี 2545 ก็ร่วมทีมสนุกเกอร์แข่งขันในหนนั้น แต่น่าเสียดายที่ ชวดเหรียญ ไม่ได้แม้กระทั่ง ทองแดง เนื่องจากช่วงหลังประเทศที่ได้ เหรียญเอเชี่ยนเกมส์ มักไม่หนี จีน กับ ฮ่องกง เพราะ จีน มีสุดยอดฝีมืออย่าง ดิง จุนฮุย-เหลียง เวง โบ-เซี่ยว กั๊วะตง ในขณะที่ฮ่องกงก็ส่ง มาร์โก้ ฟู เป็นกัปตันนำทีม ซึ่งส่วนใหญ่ จีน กับ ฮ่องกง มักจะเป็นคู่ชิงเกือบทุกเหรียญในการแข่งขัน

จนกระทั่งในปี 2552 ในขณะที่ ทีมไทย ทำการเก็บตัวเพื่อสู้ศึกเอเชี่ยนเกมส์ที่กรุงปักกิ่ง โดยกำหนดจัดในปี 2553 ซึ่งขณะนั้นมีการวางตัว ผู้เล่นสนุกเกอร์-บิลเลียด-พูล และ แครอมบอล โดยมี แจ๊ค สระบุรี มีชื่อแข่งพูล 9 ลูกเหมือนเดิม แต่เนื่องจาก แจ๊ค ไม่ชอบเล่นพูล จึงหารือกับ คิวทอง เพื่อขอร่วมการคัดเลือกทีมสนุกเกอร์ ส่งแข่งเอเชี่ยนเกมส์ เมื่อได้เห็นเจตนาและความตั้งใจของ แจ๊ค สระบุรี ทำให้ คิวทอง คิดหนัก และเพื่อให้เกิดความโปร่งใสจึงตัดสินใจให้มีการคัดเลือก นักสนุกเกอร์ เพื่อไปแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์

โดยผู้อยู่ในข่ายเข้ารับการคัดเลือกประกอบด้วย บิ๊ก สระบุรี ซึ่งเพิ่งจะคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2550 เอฟ นครนายก ที่ไปได้แชมป์โลกจากประเทศออสเตรียเมื่อปี 2551 แซก โซโฟน ดาวรุ่งที่กำลังมาแรง นอกจากนี้ยังมี อิศ จันท์-แจ๊ค เชียงใหม่-กร นครปฐม และ หนู ดาวดึงส์ ซึ่งผลการดวลคิวปรากฏว่า แจ๊ค สระบุรี สามารถเอาชนะได้ทุกคน เนื่องจากการคัดเลือกใช้ระบบการแข่งขันแบบ พบกันหมด เอาคะแนนดีที่สุด 1-4 ไปแข่งเอเชี่ยนเกมส์

และแม้จะได้สิทธิ์เล่นสนุกเกอร์ในเอเชี่ยนเกมส์ แต่ นักสอยคิวไทย ก็ไปไม่ถึงดวงดาว ได้แค่ เหรียญทองแดง เนื่องจากไปตัดเชือกกับ จีน และที่สู้กันเป็นคู่สุดท้ายคือ แจ๊ค กับ ดิง จุนฮุย ซึ่งเกมคู่คี่สูสีกันมาก ก่อนที่ ดิง จะเฉือนชัยเอาชนะไปอย่างเฉียดฉิว เข้าไปชิงเหรียญทองกับฮ่องกง และลงท้าย จีน คว้าแชมป์ไปครอง

 

 

ในปีเดียวกัน แจ๊ค สระบุรี ได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไปชิงแชมป์สมัครเล่นโลกพร้อม นพดล แสงนิล (แซก โซโฟน) ที่ประเทศซีเรีย ซึ่งอยู่กลางทะเลทราย บ้านเรือนส่วนใหญ่จะอยู่บนยอดเขาสูง และเป็นปรากฏการณ์หนแรกที่เกิด หิมะตก ในประเทศนี้ ซึ่งทำให้ชาวซีเรียและนักกีฬากว่า 30 ประเทศยังต้องทึ่ง

การแข่งขันชิงแชมป์โลกหนนี้คึกคักมาก เนื่องจาก เจ้าภาพ จัดแข่งพร้อมกัน 3 ประเภทคือ สมัครเล่นชาย-สมัครเล่นหญิง และประเภทซีเนียร์ อายุเกิน 40 ปี โดยประเภทนี้ ต่าย พิจิตร ได้รองแชมป์โลกกลับมา ส่วน ทีมหญิง เข้าถึงรอบ 8 คน และครั้งนี้ทาง อินเดีย มั่นใจฝีมือ ปันกาจ เอ็ดวานนี่ อดีตแชมป์สมัครเล่นโลกและแชมป์บิลเลียดโลก ถึงขนาดมี ทีมงานทีวี. นำคณะมาถ่ายทอดทุกขั้นตอนของ ปันกาจ ตั้งแต่ตื่นจนกระทั่งแข่งขันจะมีทีวี.ติดตามทำข่าวทุกย่างก้าว และไม่ผิดหวัง ปันกาจ ผ่านด่านสำคัญจนกระทั่งเข้าชิงชนะเลิศกับ แจ๊ค สระบุรี โดย แจ๊ค เฉือนชนะนักสอยคิวไทยด้วยกัน แซก โซโฟน ในรอบ 4 คน ไปแบบหวุดหวิด 7-5 เฟรม และเมื่อปะทะกับ ปันกาจ ต่างฝ่ายต่างมีกองเชียร์ ทำให้เกมการแข่งขันเร้าใจขึ้นมาก โดยผลัดกันนำและบี้กันมาตลอด จนถึงช่วงท้าย แจ๊ค สระบุรี คุมเกมได้ดีกว่า เอาชนะ ปันกาจ 10-7 เฟรม คว้าแชมป์โลกคนที่ 7 และเลื่อนชั้นขึ้นสู่อาชีพตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในฤดูกาลหน้า แจ๊ค ขยับอันดับขึ้นไปยืนที่ 47 ของโลก โดยใช้ระบบจัดอันดับจากรายได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา และมี เอฟ นครนายก อยู่ในลำดับที่ 59 ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในขั้นน่าพอใจ แต่เสียดายที่ แจ๊ค เสียท่าให้ เคน โดเฮอร์ตี้ ในการชิงแชมป์โลกในรอบ 48 คน ไม่งั้นคงได้เข้า ครูซิเบิล เธียเตอร์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ปัจจุบัน แจ๊ค มีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาโดยมี กรวรรณ ศรีระอุดม เป็นคู่ชีวิต มีบุตรสาววัย 3 ขวบ 1 คน คือ สุกฤตา พุ่มแจ้ง ซึ่งล่าสุดทางภรรยาได้ซื้อตึกแถว 3 ชั้นครึ่ง ในราคา 5,500,000 บาท ย่านกรมชลประทาน โดยวางอนาคตจะเปิดร้านทำการค้า แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไร ส่วน แจ๊ค สระบุรี ทำการฟิตซ้อมและเป็นครูสอนสนุกเกอร์ที่สโมสรทีบีซี หัวหมาก โดยพำนักอยู่คอนโด ลุมพินี วิลล์ของลูกพี่ ไก่ ชุมพร โดยปลายเดือน พ.ค. ก็ต้องเดินทางไปอังกฤษ เพื่อเริ่มการแข่งขันสนุกเกอร์โลกในฤดูกาลใหม่ต่อไป

 

คิวทอง