เดือนแห่งการรวมใจ

8 ส.ค. 59

มองไปที่ปฏิทินจะเห็นตรงกันว่า นี่คือเดือนสิงหาคม

เป็นเดือนที่คนไทยต้องรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว

นั่นคือการส่งกำลังใจไปเชียร์ทัพนักกีฬาไทย ลงทำการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ หรือ โอลิมปิกเกมส์ จะทำการแข่งขันกันที่ประเทศบราซิล

ซึ่งผมมีโอกาสเป็นหนึ่งในนักข่าวจากประเทศไทยได้เดินทางไปที่นั่น เฉกเช่นเดียวกันกับ “ลอนดอนเกมส์” โอลิมปิกในฝัน ณ อังกฤษ เมื่อ 4 ปีก่อน

หนนี้เป็นโอลิมปิกที่ไกลโพ้นทะเลมาก เทียบแล้วความห่างระหว่าง บราซิล กับ ไทย ก็ 10 ชั่วโมงเต็มๆ แถมความห่างไกลก็ทะลุไปถึงหมื่นไมล์กว่าๆ

นี่คือโอลิมปิก ครั้งที่ 31 ซึ่งมีการคัดเลือกกันหลายต่อหลายประเทศ ประกอบด้วย ริโอ เดอ จาเนโร ของ บราซิล, บากู ของอาเซอร์ไบจาน, ชิคาโก ของสหรัฐ, โดฮา ของกาตาร์, มาดริด ของสเปน, ปราก ของสาธารณรัฐเช็ก และโตเกียว ของญี่ปุ่น

ก่อนจะเป็นบราซิล ที่ได้รับการชูมือ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ปีค.ศ. 2009 ทำให้กลายเป็นประเทศที่ได้จัดรายการกีฬาสำคัญของโลกติดต่อกันทั้ง ฟุตบอลโลก และโอลิมปิกเกมส์

กำหนดแข่งขัน วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ การแข่งขันจะมี 28 ชนิดกีฬา รวมทั้งหมด 41 ประเภท เป็นการชิงชัยเหรียญทองรวมทั้งหมด 306 เหรียญทอง ใช้งบประมาณที่นำเสนอทำให้ได้รับการเป็นเจ้าภาพ ทะลุไปถึง 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 462,000 ล้านบาท

พิธีเปิดที่ มาราคาน่า สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นสนามเดียวกับสนามที่เคยแข่งฟุตบอลโลกในปี 2014

 

 

จากนั้น บราซิล ได้ทำการเปิดตัวสัญลักษณ์ของงานเป็นที่เรียบร้อยไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2010 โดยลักษณะรูปสัญลักษณ์ เปรียบเสมือน คนสามคน จับมือกันเต้นรำเป็นวงกลม โดยใช้สีสามสีคือ เหลือง น้ำเงิน เขียว ตามสีของธงชาติบราซิล และอีกมุมหนึ่ง จำลองลักษณะเทือกเขา ชูการ์ โลฟ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมือง ริโอ เดอ จาเนโร ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง เป็นข้อความย่อว่า RIO แนวความคิดของโลโก้โอลิมปิก

ที่เกิดมาจากแนวคิดรวมกันถึง 4 เรื่องนั่นก็คือ 1.พลังที่ส่งถึงกัน 2.ความหลากหลายที่กลมกลืน 3.ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และ 4.จิตวิญญาณแห่งโอลิมปิก

อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี อนุญาตให้เหล่านักกีฬาที่ลี้ภัยจากประเทศบ้านเกิดทางตะวันออก เข้าแข่งขันในฐานะทีมนักกีฬาของผู้อพยพ

หรือว่า “เรฟูจี ทีม” แม้จะเป็นนักกีฬาไร้สัญชาติ แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือทุกคนสามารถผ่านการคัดเลือกเข้าแข่งขันได้ และจะได้สิทธิ์ทัดเทียมกับนักกีฬาชาติอื่นอีกด้วย

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ตามมาจนถึงตอนนี้ก็คือ ดูเหมือนกับจะมีข่าว “ด้านลบ” ออกมาแทบจะทุกวัน หลังจากเรื่องเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ ปี 2013

ปีดังกล่าวมีประชาชนชาวบราซิลราว 1 ล้านคน ออกมาประท้วงรัฐบาลตามท้องถนนของ 80 เมือง ภายในประเทศ เนื่องจากไม่พอใจที่ทางรัฐ นำงบประมาณของประเทศจำนวนมหาศาลมาใช้จัดการแข่งขัน คอนเฟดเดอเรชั่นส์ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นงานสิ้นเปลืองงบประมาณจนเกินไป

อีกทั้งยังสวนทางกับความเป็นอยู่ของประชาชนภายในประเทศอย่างสิ้นเชิง

ส่งผลกระทบต่อฟุตบอลโลก และโอลิมปิกเกมส์อย่างชัดเจน

เพราะนับจากได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพกีฬาครั้งสำคัญ ประเทศบราซิล กลับตกหล่มทางเศรษฐกิจอย่างเหลือเชื่อ

การประท้วงมาจากทุกทิศทุกทาง ตั้งแต่การล้มเหลวในการแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลต่ออัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงข้อหาทุจริตรับสินบนบริษัทพลังงานแห่งชาติ

หนักสุดก็คือ พัวพันทุจริตในวงการกีฬา

เพราะมีบริษัทมากมายที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการสร้างสนามโอลิมปิก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับสาธารณูปโภคมากมายในการเป็นเจ้าภาพ

แม้ว่าเจ้าภาพจะแถลงข่าว พร้อมทั้งนำภาพมีโชว์หราผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของการแข่งขัน ปี 2016 ว่า บาร์ร่า โอลิมปิก พาร์ค ศูนย์หลักการแข่งขันพร้อมแล้ว 95 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

 

แต่หากเทียบเปรียบมวยกับ อังกฤษ เมื่อปี 2012 นั้นมันคนละเรื่อง เพราะ อังกฤษ เรียบร้อยก่อนแข่งขันจริงนานถึง 1 ปีเต็ม

ยิ่งไปกว่านั้น จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม บราซิล ถูกจับตามองว่าเป็น “ดินแดนอันตราย” จะส่งผลร้ายทั้งจากคนและสัตว์

“โอ โกลบอล” สำนักข่าวแดนแซมบ้า ทำโพลล์ออกสำรวจ ไปยังเมืองเจ้าภาพอย่าง ริโอ เดอ จาเนโร ว่า อะไรคือปัญหาที่สุดในการจัดการแข่งขันครั้งนี้

ปรากฏว่า กว่า 85 เปอร์เซ็นต์ลงความเห็นตรงกันว่า “ปัญหาอาชญากรรม” คือลำดับแรก

ตามมาด้วย การจราจรที่ติดขัดและแออัด ซึ่งมีความเห็นถึง 39 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว

แต่ปัญหาที่คนจากต่างชาติ กลัวที่สุดก็คือ อาการป่วยที่อาจจะเกิดขึ้นจาก เชื้อไวรัสซิกา ที่ยังกำจัดได้ไม่หมด กลับเป็นสิ่งที่ชาวแซมบ้ามองข้าม เพราะเชื่อว่า ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอย่างที่ทุกคนกลัว

สุดท้ายโพลล์ดังกล่าวระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่า โอลิมปิกเกมส์แดนแซมบ้า ถูกดิสเครดิตกันไปเอง และมั่นใจถึง 61 เปอร์เซ็นต์ว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้อย่างไร้ปัญหา

แต่เหรียญย่อมมีสองด้านแถมตรงกลางโผล่ออกมาอีก 27 เปอร์เซ็นต์ฟันธงตรงกันว่า “ไม่น่ารอด”

ถึงไม่มีสนุ้กฯ ก็ช่วยกันลุ้นไปทั้งนักกีฬาไทย และเจ้าภาพจัดแข่งขัน!!!!

บี แหลมสิงห์ มาเยือน