คนดีอย่าทรยศ

21 เม.ย. 60

วงการสอยคิวเกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นอีกครั้ง กับเรื่องของการ “เล่นพนัน”

การแทงพนัน หรือ การล็อคผลการแข่งขัน ถือว่าน่าสนใจมากๆ ในทุกๆ กีฬา โดยเฉพาะสนุกเกอร์ ว่ากันว่า “ทำได้ง่าย” อยู่ที่ว่าใครคนนั้น

จะทำได้เนียนขนาดไหน

ถ้ารอดตัวก็โชคดีไป แต่ถ้าถูกจับได้ก็หมดอนาคต

เดือนที่ผ่านมา ถือว่าน่าตกใจเมื่อมีข่าวว่า สจ๊วร์ต บิงแฮม แชมป์โลก 2015 หน้าซื่อๆ วัย 40 ปี ถูก คณะกรรมการทางวินัยของ สมาคมบิลเลียดและสนุกเกอร์อาชีพโลก หรือ WPBSA จับพิรุธ

บอร์ดสอยคิวโลก สงสัยว่า บิงแฮม ส่อแววว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันในการแข่งขันสนุกเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นการจับคู่การแข่งขัน หรือว่าวางเดิมพันตัวเขาขณะที่แข่งขันเอง

เรื่องราวมันกำลังใหญ่โต บิงแฮม ออกมายืดอกรับว่า เขาเล่นจริง!!!!

แต่เหตุผลของการแทงนั้นก็มีเหมือนกัน

บิงแฮม บอกว่า เขาไม่เคยทรยศอาชีพตัวเอง ไม่เคยล้มให้ใคร แต่เคย “เล่นพนัน” อันนี้ไม่เถียง

แต่ใช้ชื่อของบุคคลที่สาม ไม่ได้แทงด้วยตัวเอง

ที่สำคัญก็คือ วางเดิมพันในการแข่งขันสนุกเกอร์แต่ละครั้ง ก็จะเล่นในคู่อื่นๆ เท่านั้น แต่ไม่เคยแทงว่า ตัวเขาเองจะแพ้หรือชนะ รวมถึงไม่เคยร่วมล็อคผลจับสลาก และทุจริตเรื่องอื่นแต่อย่างใด

“ผมยอมรับว่า ผมพลาด ผมไม่แม่นกฎเอง” บิงแฮม กล่าว “ผมไม่เคยเล่นพนันแมตช์ที่ผมแข่งเอง ผมพนันแมตช์ของผู้เล่นคนอื่นซึ่งปรากฏว่ามันผิดกฎ ผมให้ความร่วมมือกับการไต่สวนเต็มที่ และพร้อมรับโทษทุกกรณีที่จะเกิดขึ้น”

เหตุการณ์นี้ ละม้ายกับครั้งที่ อัลฟี เบอร์เดน นักสอยคิวคนดังอีกคน เคยทำลักษณะเดียวกันนี้ และถูกปรับเงิน 5,000 ปอนด์ (ประมาณ) และโดนโทษแบนอีก 6 เดือน

เคสนี้ รวมถึงเคสของ เบอร์เดน ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งกับคนที่เป็นนักกีฬาอาชีพ และคิดจะเล่นพนัน

 

หากจะยกเคสสาหัสอีกอย่างหนึ่งก็คือ สตีเฟ่น ลี อดีตมือ 5 ของโลก โดนแบน 12 ปี

ครั้งนั้นเรียกว่า แบนแบบโลกลืม

ด้วยวัย 38 ปี ถูกแบน 12 ปี ฐานล็อคผลการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพ เพราะคิดทรยศต่ออาชีพตัวเอง

นับเป็นประวัติศาสตร์การแบนที่ยาวนานที่สุด

หลังมีการตรวจสอบว่าผิดจริงในคดีล็อคผลการแข่งขันสนุกเกอร์ในปี 2008-2009 ถึง 7 แมตช์ด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวยืนยัน กระต่ายขาเดียวว่า ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและพร้อมอุทธรณ์

สุดท้ายไม่รอด ลี โดนแบนยาวถึง 12 ปี ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับการแบนตลอดชีวิตนั่นเอง

เพราะเขาตั้งใจแพ้ให้กับ เคน โดเฮอร์ตี้” และ “มาร์โก้ ฟู” ในปี 2008 ในรายการ มอลต้า คัพ

เพราะเขายอมเสียเฟรมแรกให้กับสตีเฟ่น เฮนดรี้ และ มาร์ค คิง ในรายการชิงแชมป์แห่งสหราชอาณาจักร 2008

เพราะเขาล็อคสกอร์ในเกมแพ้ นีล โรเบิร์ตสัน และ มาร์ค เซลบี้ ในรายการ ไชน่า โอเพ่น 2009

นี่คือตัวอย่างที่แย่ สำหรับนักกีฬาฝีมือดี

ดังนั้นหวังว่าคงไม่มีใครจะเป็นแบบนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง นอกจากทำร้ายตัวเรา ยังทำร้ายคนอื่น ทำร้ายครอบครัว ทำร้ายกีฬา ทำร้ายกองเชียร์

ชีวิตคนเราไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนักหรอกในทุกสาขาอาชีพ เพียงแค่ทำตัวไม่ยาก

ตั้งมั่นบนความสุจริต...แล้วชีวิตจะดีเอง!!!

 

บี แหลมสิงห์ มาเยือน

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 413)