16 ปีแห่งความหลัง - บี แหลมสิงห์ มาเยือน

18 ส.ค. 60

กีฬาซีเกมส์จะกลับมาอีกครั้ง ในเดือนสิงหาคมนี้

เมื่อก่อนกีฬานี้จะสร้างความตื่นเต้นให้กับคนไทยในยุค 0.4 อย่างมาก แต่มาในยุคปัจจุบันแม้จะบอกว่า คนไทยมาถึงยุค 4.0 ทั้งที่จริงก็น่าจะแค่ 0.4 เหมือนเดิมนี่แหละ

แต่หลายคนนักเริ่มจะ “ระอา” กับซีเกมส์

โดยเฉพาะในเรื่องที่เจ้าภาพทุกครั้ง ไม่ต้องการเล่นกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ แต่ต้องการทำทุกอย่างให้ได้มาซึ่งชัยชนะ อันนี้ถือเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์ของผู้คิดและริเริ่มอย่างสิ้นเชิง

แต่เอาล่ะ ยังไงซะเมื่อการแข่งขันกำลังจะมาถึง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ช่วยกันเชียร์นักกีฬาไทยต่อไปจะดีกว่า

ย้อนกลับไปเมื่อ ปี 2001 มาเลเซีย เป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 3 และเป็นหนสุดท้ายก่อนถึงครั้งนี้

นับเวลาได้พอดีก็คือ 16 ปีพอดิบพอดี

ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางออกจากแผ่นดินแม่ไปยังต่างประเทศ และเดินทางไปกับทัพสอยคิวไทย ในยุคที่มี “บิ๊กแน็ต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เป็นผู้จัดการทีม

ครั้งนั้นเกิดเหตุการณ์มากมาย เป็นที่น่าจดจำทั้งในทางที่ดีและเป็นไปในทางตรงกันข้าม

ผม กับ “หน่อย ปากน้ำ” กิตติพงษ์ พรชัย และ “นัท แปดริ้ว” นิธิวรรธก์ กาญจนศรี เป็นเพียง 3 คนในทริปที่ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน ทำให้ “เฮียฮง” สุนทร จารุมนต์ ยังแซวว่า “เปิดซิงเลยนะเรา”

โรงแรมที่พักของชาวสอยคิวถือว่าไกลกับสถานที่แข่งพอสมควร เพราะที่เจ้าภาพจัดไว้มีเหตุผล เนื่องจากติดกับโรงแรมเป็นคลับของสนุกเกอร์ ซึ่งทุกชาติจะไปเจอกันเพื่อซ้อมที่นั่น

ผมพักกับ พี่จุ้ย คิวทอง จาก นสพ.บ้านเมือง และ ตุ้ม ระเบิดขวด ช่างภาพคู่ใจจากแนวหน้า แทบจะตามติดทำข่าวทีมสอยคิวไทยแบบเกาะติดทุกสถานการณ์

กระทั่งได้เจอเรื่องช็อก 2 เรื่อง

เรื่องแรกก็คือเรื่องสำคัญต่อโลกใบนี้ เมื่อเราอยู่กันในเพรส เซ็นเตอร์ จู่ ๆ จอโทรทัศน์ที่รายงานผลการแข่งขันแต่ละสนาม ก็ปรับไปเป็นภาพ “ตึกแฝด” ในมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา มีกลุ่มควันหนาแน่น พร้อมกับคำบรรยายด้านล่างว่า “US Under Attack”

จากใจของผมก็คือ นึกว่าเป็นภาพยนตร์ แต่ก็คิดอยู่ในใจว่า ทำไมทำได้เหมือนจริงขนาดนี้

กระทั่งทราบข่าวว่า มีการก่อการร้ายหลายพื้นที่ในอเมริกา และเล่นงานในแผ่นดินแห่ง “เสรีภาพ”

จากนั้นการดูแลซีเกมส์ครั้งนั้น จึงเข้มข้นขึ้น ยกระดับการป้องกันมากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากที่มาเลเซีย ก็มี “ตึกแฝด” อยู่ด้วยเหมือนกัน ทำให้มีการปิดไม่ให้เข้าใกล้ ทำให้เราไม่มีโอกาสไปถ่ายภาพเลย เนื่องจากการป้องกันขั้นสูงสุด

เหตุการณ์นั้นได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าหลายสิ่งบนโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในการแข่งขันกีฬาสำคัญ ๆ จะต้องมีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุด ทำให้หลายประเทศต้องล่มจมจากการจัดแข่งขันกีฬาในฐานะเจ้าภาพ

ประเทศกรีซ คืออาทิ

ขณะที่เหตุการณ์สำคัญที่กลายเป็นตำนานในซีเกมส์นั่นก็คือ เกมนัดชิงชนะเลิศ สนุกเกอร์ 15 แดง ประเภทเดี่ยว เป็นการดวลกันของ “เบิ้ม เชียงใหม่” สมพร กันธวัง กับ อึ้ง อัน เส็ง ในระบบ 3 ใน 5 เฟรม

อาเส็ง ทะยานนำก่อน 2-0 และกำลังจะเก็บน้ำเงินหลุมไกล ถ้าลงไปเขาจะชนะขาดลอย 3-0 เป็นเหรียญทองที่มาเลเซีย รอคอยที่จะคว้ามาให้ได้

แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น!

อยู่ ๆ ก็มีเสียงเพลงชาติไทยดังกระหึ่มสนามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ย้ำว่าครั้งนั้นแข่งที่แดนเสือเหลืองแท้ ๆ แต่มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไรไม่รู้ และทำให้ลูกจะ ๆ ลูกนั้น อึ้ง อัน เส็ง แทงไม่ลง และเป็น เบิ้ม เชียงใหม่ ออกมาได้เฟรม

เหมือนหัวใจสะออน และสะเทือนซางไปเลย อึ้ง อัน เส็ง คงเซ็งชีวิต แทงไม่ได้เลยในช่วงที่เหลือ และทำให้ เบิ้ม กลับมากำชัย 3-2 เฟรม คว้าเหรียญทองไปครองได้อย่างสะใจ

เป็นแมจิโมเมนท์ของซีเกมส์ครั้งนั้น และเป็นความทรงจำตลอดไป แถมไทยเรายังได้ถึง 5 เหรียญทองในครานั้น

ซึ่งหวังว่าหนนี้อาจจะไม่ต้องถึงกับหนนั้น

แค่ 2 เหรียญบวก ชีวิตก็เป็นสุขแล้ว..............

 

บี แหลมสิงห์ มาเยือน

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 417)