ตราบาปของ “บิงแฮม”

31 ต.ค. 60

ในบรรดานักสนุกเกอร์ ตามทรงแล้ว ที่ดูน่ารักและไม่เป็นพิษภัย รวมถึงนิสัยไนซ์ระดับ 10

หนึ่งในนั้นต้องมี “ไอ้ลูกหิน” สจ๊วร์ต บิงแฮม รวมอยู่ในนั้น

หลังจากสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ด้วยการคว้าแชมป์โลกสนุกเกอร์ ประจำฤดูกาล 2014-15 “เบ็ทเฟร็ด เวิลด์ สนุกเกอร์ แชมเปียนชิพ 2015” ชิงเงินรางวัลรวม 1,364,000 ปอนด์ หรือประมาณ 68.2 ล้านบาท ที่สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ “ครูซิเบิล เธียเตอร์” เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2015

หลังจากเร่งพลังคิวทิ่ม “พ่อมดน้อย” ฌอน เมอร์ฟี คู่แข่งเพื่อนร่วมชาติ มือ 8 และแชมป์โลก ปี 2005 ลงได้อย่างน่าประทับใจ 18-15 เฟรม

ชื่อของเขารู้จักไปทั่วโลก ในฐานะ “เวิลด์ สนุกเกอร์ แชมเปียน”

ชีวิตของเขาถูกตีแผ่ในด้านที่ดีออกมาว่า เป็นหนึ่งในยอดนักสอยคิวที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมพ่ายในวาสนา

“นี่คือผลของการที่ผมซ้อมอย่างหนักมาก และมีความมุ่งมั่นเชื่อมั่นในตัวเอง ผมมีความฝันตั้งแต่หัดเล่นตอนเด็ก ๆ และก็ซ้อมกันเรื่อยมา เด็ก ๆ ทุกคนต้องการที่จะเติบโตขึ้นและเล่นรายการนี้ ต้องการเป็นแชมป์โลก จากนี้ผมจะมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับเป็นคนเดิมที่ไปเล่นทุกทัวร์นาเมนต์ ซึ่งผมหวังว่านี่จะเป็นตัวอย่างที่ดีของการเป็นแชมป์โลก” ทั้งหมดคือคำกล่าวของเขาในวันที่เป็นแชมป์โลก

สถิติต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย อาทิ เทิร์นโปรตั้งแต่ปี 1995 แต่ต้องใช้เวลานานถึง 12 ปี กว่าจะติดท็อป 32 คนสุดท้าย, ต้องรอคอยนานถึง 16 ปีในการเล่นอาชีพ กว่าจะได้แชมป์มาครอง โดยแชมป์รายการแรกต้องรอถึงตัวเองอายุ 35 ปี ในศึกออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อปี 2011

กลายเป็นนักสอยคิวที่อายุมากสุดที่ได้แชมป์โลกที่ครูซิเบิล เธียเตอร์ บนวัย 38 ปี, ไม่เคยเล่นรอบชิงชนะเลิศนัดชิงแชมป์โลกมาก่อน รวมถึงรอบรองฯ ก็เพิ่งเคยเข้าหนแรก, เป็นคนที่ 2 ต่อจาก เคน โดเฮอร์ตี้ ที่ได้ทั้งแชมป์สมัครเล่นโลก และแชมป์โลกอาชีพ รวมถึงปราบอดีตแชมป์โลกลงได้ถึง 3 คน คือ แกรม ด็อตต์, รอนนี่ โอซุลลิแวน และฌอน เมอร์ฟี เพื่อเป็นแชมป์

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการทางวินัยของ สมาคมบิลเลียดและสนุกเกอร์อาชีพโลก หรือ WPBSA จับพิรุธ และมีความฉงนสงสัยว่า บิงแฮม ส่อแววว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันในการแข่งขันสนุกเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นการจับคู่การแข่งขัน หรือว่าวางเดิมพันตัวเขาขณะที่แข่งขันเอง

เรื่องราวมันกำลังใหญ่โต บิงแฮม ออกมายืดอกรับว่า เขาเล่นจริง!!!!

แต่เขามีเหตุผลของการแทง โดยยืนยันว่า เขาไม่เคยทรยศอาชีพตัวเอง ไม่เคยล้มให้ใคร แต่เคย “เล่นพนัน” อันนี้ไม่เถียง

แต่ใช้ชื่อของบุคคลที่สาม ไม่ได้แทงด้วยตัวเอง

ที่สำคัญก็คือ วางเดิมพันในการแข่งขันสนุกเกอร์แต่ละครั้ง ก็จะเล่นในคู่อื่น ๆ เท่านั้น แต่ไม่เคยแทงว่า ตัวเขาเองจะแพ้หรือชนะ รวมถึงไม่เคยร่วมล็อกผลจับสลาก และทุจริตเรื่องอื่นแต่อย่างใด

“ผมยอมรับว่า ผมพลาด ผมไม่แม่นกฎเอง” บิงแฮม กล่าว “ผมไม่เคยเล่นพนันแมตช์ที่ผมแข่งเอง ผมพนันแมตช์ของผู้เล่นคนอื่นซึ่งปรากฏว่ามันผิดกฎ ผมให้ความร่วมมือกับการไต่สวนเต็มที่ และพร้อมรับโทษทุกกรณีที่จะเกิดขึ้น”

กระทั่งวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา  ทุกอย่างเปิดขึ้นมา และเป็นที่น่าตกใจว่า บิงแฮม ให้การเท็จ!!!!

WPBSA ใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนนาน 6 เดือน จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่า บิงแฮม โดนปรับเงิน 20,000 ปอนด์ หรือกว่า 1 ล้านบาท โดยที่เขาเดิมพันมานานถึง 12 ปี และใช้เงินในการแทงพนันไปถึง 35,771 ปอนด์ รวมถึงมีบางแมตช์ที่พนันเกมที่ตัวเองลงเล่นอีกด้วย

 

มีการสอบสวนแล้ว บิงแฮม มีความผิดตามกฎนักกีฬาถึง 7 ข้อ

  1. ระหว่างซีซั่น 2009-10 เขาใช้บัญชีของตัวเองแทงพนัน 424.44 ปอนด์ ปรากฏว่าเสียเงินไป 280.20 ปอนด์
  2. ซีซั่น 2012-13 ใช้ชื่อบัญชีตัวเองแทงพนัน 20 ปอนด์ และก็เสียทั้งหมด
  3. เล่นพนันในเกมที่ตัวเองลงแข่ง รวมทั้งสิ้น 36 นัด ตั้งแต่ปี 2003-2015 รวม 4,636 ปอนด์
  4. ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม-11 มกราคม 2017 ใช้บัญชีของผู้จัดการส่วนตัวในการเล่นพนัน
  5. ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2012-11 มกราคม 2017 ใช้ชื่อคนอื่น รวมถึงผู้จัดการส่วนตัว ในการเล่นพนัน
  6. ฝากคนอื่นไปแทงว่า ตัวเขาจะชนะแข่งขันรวม 1,706.85 ปอนด์
  7. ระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม 2014-8 พฤศจิกายน 2016 ใช้บุคคลที่ 3 ไปแทงพนันรวม 4,000 ปอนด์ ว่าจะแทงเบรกสูงสุด รวมถึงแทงว่าตัวเขาจะชนะด้วยวงเงิน 7,000 ปอนด์

ลงท้ายได้รับการลงโทษจาก สมาคมบิลเลียดและสนุกเกอร์อาชีพโลก (WPBSA) กรณีทำผิดกฎเรื่องการพนันที่ผิดกฎนักกีฬา ทำให้ถูกแบน 6 เดือน

ประเด็นคือ ถ้าพ้นโทษแบนกลับมา เขาจะยังไงต่อ เนื่องจาก “คำพูดลูกผู้ชาย” ได้สลายไปกับ 7 ข้อนี้เกือบหมดแล้ว

จากนักกีฬาที่น่าเอาอย่าง เขาจะเป็นอย่างไรต่อไป

การให้คำตอบต่อสังคมหลังจากนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ถูกมองว่า เป็นยอดนักสู้อย่าง บิงแฮม

 

บี แหลมสิงห์

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 420)