ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าแทงช้าหรือแทงเร็ว

19 พ.ค. 60

เป็นที่ถกเถียงกันมานานนมแล้วนะครับว่า นักสนุกเกอร์ที่ออกคิวแทงแบบช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม กับแทงเร็วทันใจไม่ต้องรอนาน ไวปานจรวดนั้น อันไหนจะประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่ากัน ซึ่งถ้าดูจากปริมาณของผู้ที่เคยคว้าแชมป์โลกและรายการสะสมคะแนนของทาง World Snooker ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คนที่แทงคิดช้าและเล่นลูกชัวร์ รอเก็บจังหวะสองนั้น ดูจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่แทงคิดเร็ว ทำเร็ว เผด็จศึกแบบคู่ต่อสู้ไม่ได้ออกอาวุธมาตอบโต้ ประเภทแรกก็จะเป็นกลุ่มที่มาจากยุคบุกเบิกสนุกเกอร์นู่นเลย ไล่มาตั้งแต่ “แดร๊กคูล่า – เรย์ เรียร์ดอน”, “เดอะ กรินเดอร์ – คลิฟฟ์ ธอร์เบิร์น”, “เทพบุตรคิวทอง – สตีฟ เดวิส”, “มัจจุราชผมทอง – สตีเฟ่น เฮนดรี้”, “เดอะ ชาร์ค – มาร์ค เซลบี้” และ เจ้าพ่อแทงช้าแห่งยุคอย่าง The Ebbo – ปีเตอร์ เอ็บดอน” ซึ่งบางเกมที่เฮียแกเล่นและถ่ายทอดสดช่วงดึก ๆ ดื่น ๆ แล้วละก็ แฟน ๆ ที่นั่งชมอยู่หลับไปแบบไม่รู้ตัวก็เคยมี ส่วนประเภทที่สองคือประเภทแทงเร็ว เดินเร็ว ถ้าเป็นหนังก็แบบบู๊ล้างผลาญ ซึ่งนักสนุกเกอร์อย่างหลังนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ เป็นพิเศษ เพราะดูแล้วเพลิน เร้าใจ ไม่ง่วง โดยนำทีมโดย “เดอะ เฮอร์ริเคน – อเล็กซ์ ฮิกกินส์”, “จรวดทางเรียบ – มาร์ค เจ วิลเลียมส์”, “เดอะ ร็อคเก็ต – รอนนี่ โอ’ซุลลิแวน” ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่อย่าง “ไอ้ปืนกล – จัดด์ ทรัมป์” ที่โทรฟี่อาจจะได้ไม่มาก แต่ลูกยาก ลูกสู้ บู๊ทุกเม็ด มันติดตาตรึงใจแฟน ๆ เสียเหลือเกิน อีกทั้งยังมีมือดาวรุ่งที่แทงเร็วเป็นไฟฟ้าที่น่าจับตาคือ “ลูก้า เบรเซล” ที่ถ้าติดเครื่องเข้าเบรกแล้วแทงเร็วสุด ๆ

วิเคราะห์กันตามเนื้อผ้าแล้วสนุกเกอร์คือกีฬาที่ตัดสินแพ้ชนะด้วยจำนวนเฟรม ซึ่งได้มาจากคะแนนของลูกสีที่แทงลง ไม่ได้ตัดสินที่ความสวยงามหรือลีลาในการเล่นเหมือน ยิมนาสติก หรือ กระโดดน้ำ ทว่าหลาย ๆ ครั้งแชมป์โลกหรือผู้ชนะเลิศรายการต่าง ๆ กลับถูกแฟน ๆ ร้องยี้ว่าแทงช้า น่าเบื่อ ทำลายเกมสนุกเกอร์ เพราะการเล่นแบบดึงเช็ง ไม่เสี่ยงเล่นลูกยาก รอจังหวะพลาดจากคู่ต่อสู้ตลอด ยกตัวอย่าง “มาร์ค เซลบี้” เล่นไม่สวย ดึงช้า กว่าจะแทงก้มแล้วก้มอีก หรือ ตัวพ่อแทงช้าแห่งยุคอย่าง “ปีเตอร์ เอ็บดอน” ที่กว่าจะแทงแฟน ๆ ต้องลุ้นแต่ไม่ใช่ลุ้นว่าแทงลง แต่ลุ้นว่าต้องคิดอีกนานไหมถึงจะแทงลูกขาว แต่สองคนนี้ก็เคยบรรลุถึงแชมป์โลกด้วยสไตล์การเล่นแบบนี้ แม้แต่มือระดับท็อปอย่าง “จิงโจ้มหาประลัย – นีล โรเบิร์ตสัน” ก่อนหน้านี้ก็คิดเร็ว แทงเร็ว เดินหน้าลุยลูกเดียวไม่มีผ่อนเกม หรือยื้อเล่นดึงเช็งสะใจแฟน ๆ สนุกเกอร์ทั่วโลก แต่ภายหลังก็เปลี่ยนมาเล่นแบบดึงช้า คิดเยอะเช่นกัน เพราะทำให้ได้แชมป์แบบจับต้องได้ แต่ก็ต้องยอมรับกับคำวิจารณ์จากแฟน ๆ สนุกเกอร์ที่แอนตี้ผู้เล่นสไตล์นี้อยู่แล้ว ว่าน่าเบื่อ ไม่มีสีสัน ไม่เร้าใจเอาซะเลย

เมื่อย้อนมาดูที่นักสนุกเกอร์มือท็อปของเมืองไทยเรามีตอนนี้นั้น ก็เป็นผู้เล่นสไตล์มือไฟฟ้าแทบทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่ “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย”, “ไฟว์ นครนายก”, “นุ้ก สากล” ที่แทงค่อนข้างเร็ว ยิ่งช่วงต๋องรุ่งพุ่งสุดขีด เมื่อครั้งบุกเบิกตลาดสนุกเกอร์โลกจนได้มือวางอันดับ 3 ของโลก ตอนนั้นแทงแบบเร็วและชัวร์มาก ก้มเป็นลง ทำแม็กซิมั่มเบรกโดยใช้เวลาเร็วที่สุดในโลกมาแล้ว แต่โดนเพื่อนซี้อย่าง “รอนนี่ โอซุลลิแวน” ทำลายลงได้ในภายหลัง ส่วน “เอฟ นครนายก” นี่คงไม่ต้องพูดถึง ฉายา เอฟวัน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ เพราะรูปแบบการเล่นที่มาแบบรถสูตรหนึ่ง เร็ว แรง เร้าใจ ส่วนที่เหลืออย่าง “ซันนี่ อาร์แบค”, “หมู ปากน้ำ” และ “แจ๊ค สระบุรี” เล่นสไตล์แทงช้า แต่ไม่ถึงกับอืดอาดยืดยาดแต่อย่างใด แต่จะดูออกคิวช้ากว่ากลุ่มแรกที่แทงเร็วเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าสรุปแล้วก็คงจะไม่เกี่ยวกับการแทงช้าหรือว่าแทงเร็ว แบบไหนจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน เพราะจะแบบไหนก็สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือน ๆ กัน แต่ปัญหาจริง ๆ แล้วมันอยู่ที่ว่า ความพร้อมในการเล่นในทัวร์นาเมนต์นั้น ๆ นักกีฬาเองได้ฝึกซ้อมมาพร้อมแค่ไหน รวมถึงจิตใจที่นิ่งไม่ยอมแพ้ในแต่ละเฟรมในสถานการณ์ที่ตกเป็นรองคู่ต่อสู้ แล้วมามีโอกาสได้ตอบโต้ ต้องใช้โอกาสไม่เปลือง โอกาสครั้งเดียวสามารถเปลี่ยนเกมจากจะแพ้ให้กลายเป็นผู้ชนะ และมีความเป็นเพชฌฆาต ที่จะปิดแมตช์ได้ทันทีเมื่อมีโอกาส ไม่ปล่อยให้คู่แข่งขันฟื้นขึ้นมาได้ เหล่านี้แหละคือปัญหาแท้จริง ที่เหล่านักสนุกเกอร์มืออาชีพทั้งหลายที่อยากจะประสบความสำเร็จในอนาคต จะต้องแก้ไขและปรับปรุงต่อไป

 

รีสตาร์ท

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 414)