ใครว่าพวกสนุกเกอร์คือกุ๊ย 10 พ.ค.บิ๊ก สระบุรี รับปริญญาโท พร้อม 5 สอยคิวทีมชาติไทย

29 เม.ย. 55
"บิ๊ก สระบุรี" กับความสำเร็จทางการศึกษา
"บิ๊ก สระบุรี" กับความสำเร็จทางการศึกษา

ใครว่าพวกสนุกเกอร์คือกุ๊ย 10 พ.ค.บิ๊ก สระบุรี รับปริญญาโท พร้อม 5 สอยคิวทีมชาติไทย

เป็น คำนิยามที่ผู้ปกครองสมัยก่อนเคยสอนลูกหลาน ห้ามเข้าโต๊ะบิลเลียดเด็ดขาดเพราะเป็นแหล่งมั่วสุม เพราะ อาชญากรรม ทำให้เด็กขยาดไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้ พ่อแม่ ต่างพร่ำสั่งสอนและระวังไม่ให้ลูกๆเข้าใกล้โต๊ะบิลเลียดฯโดยกำชับทุกวี่วันห้ามเข้าไปสถานที่แห่งนี้เด็ดขาดเพราะถือเป็นที่กำเนิดของ คนชั่ว จนต้องนำมาสั่งสอนลูกๆ 

พวกจับไม้คิวคือพวกกุ๊ย 

แต่หากจับไม้กอล์ฟถือว่าเป็น ผู้ดี

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ศักดา รัตนสุบรรณ ผู้บุกเบิกวงการสอยคิวตั้งแต่ปี 2525 เมื่อครั้งเป็นหัวหน้า ฝ่ายข่าวกีฬาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และเปิดคอลัมน์ “นินทาเซียน” หรือคอลัมน์สังคมของคนในวงการสนุกเกอร์ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์จนโด่งดัง แต่กว่าจะมีวันนี้ ศักดา แทบเสียผู้เสียคนและเสียอนาคตในการทำงานเนื่องจาก บรรณาธิการเดลินิวส์ ประชา เหตระกูล ได้รับการร้องเรียนจาก ผู้ปกครอง แถมยังมี แม่บ้าน รวมกลุ่มกันมาประท้วงถึงสำนักงานกรณีให้มีคอลัมน์คิวทองในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์เป็นเหตุให้ ลูกชาย หนีเรียนเข้าไปมั่วสุมตามโต๊ะสนุกฯ บางรายด่าทออย่างหยาบคายที่ สามี หายหัวไม่เข้าบ้าน 3 วัน 3 คืนจนสอบได้ความไปมั่วสุมอยู่ในโต๊ะสนุกฯ

เมื่อถูกร้องเรียนมามาก บก.ประชา เหตระกูล จึงเรียกตัวหัวหน้าข่าว ผู้จุดชนวนให้มีข่าวสารในหน้าหนังสือพิมพ์โดย ศักดา ชี้แจงให้ทราบว่า สนุกเกอร์ ถือเป็นกีฬาที่คนไทยสามารถสู้กับชาวโลกและไม่เสียเปรียบเพราะไม่ต้องใช้สรีระของร่างกายหรือกำลังเข้าปะทะ เพียงแต่ใช้สมาธิบวกกับสมองในการวางแผนก็สามารถชนะคู่แข่งขัน ส่วนปัญหานักเรียนหรือพ่อบ้านที่ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง นักเรียนไม่ไปโรงเรียนแต่ไปโต๊ะสนุกฯหรือ สามี ไม่ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวดันหมกมุ่นกับการเล่นสนุกเกอร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล และอยู่ที่การรับผิดชอบของแต่ละคน การจะเหมาว่าสนุกเกอร์ทำให้เด็กเสียคน ทำให้ พ่อบ้านเสียอนาคต จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะหากแต่ละคนรู้หน้าที่เรื่องเสียหายก็จะไม่เกิด 

กว่าจะชี้แจงให้ บก.ประชา เหตระกูล ได้รับรู้ข้อเท็จจริง หัวหน้าข่าวกีฬายุคนั้นก็ตกเป็นจำเลยของ ผู้ปกครองและกลุ่มแม่บ้านนานพอสมควรจนกระทั่ง การกีฬาแห่งประเทศไทย บรรจุสนุกเกอร์เข้าเป็นกีฬาเมื่อปี 2528 และ รัฐบาล เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ นักสนุกเกอร์เดินทางไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์-แข่งขันชิงชนะเลิศเอเชียและชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2530 สนุกเกอร์ ก็เริ่มเข้าสู่แวดวงกีฬาจนกระทั่ง ผู้ปกครอง ยอมรับความจริงและยินยอมให้ลูกหลานเข้ามาฝึกกีฬาแขนงนี้จนทำให้กำเนิดแชมป์เอเชียในเมืองไทยถึง 16 ครั้งและมีแชมป์สมัครเล่นโลก 7 คนแถมยังมีแชมป์เยาวชนโลกอีก 2 คน

ดังนั้นพวกที่ชอบสนุกเกอร์สมัย 5 ทศวรรษหรืออย่างน้อยย้อนหลังสัก 30 ปีต่างรู้ดีว่า วงการสนุกเกอร์ยุคนั้นกับปัจจุบันมันต่างกัน ราวฟ้ากับดิน ยุคก่อนคนใส่ขาสั้นสวมเสื้อยืดลากรองเท้าแตะหรือเกี๊ยะก็เข้าโต๊ะสนุกเกอร์ได้ แต่ปัจจุบันภาพเหล่านั้นไม่เกิดให้เห็นในวงการสอยคิว อีกทั้งสถานที่ต่างๆตามโต๊ะสนุกฯทุกแห่งก็ติดแอร์ปูพรหมยังกับเดินอยู่ในโรงแรม 5 ดาว

นอกจากจะยกมาตรฐานของวงการสอยคิว ยังยกมาตรฐานของ การศึกษา หามความรู้เพราะคนที่เข้าสู่วงการสนุกเกอร์มักถูกตราหน้าว่า พวกกุ๊ย ไร้การศึกษา เป็นที่รังเกียจในสายตาของผู้ใหญ่ยุคก่อนจนมีผู้กล่าวกันว่า ไอ้พวกถือไม้คิวคือ พวกกุ๊ย หากถือไม้กลอ์ฟ นั่นแหละผู้ดี นี่คือคำสั่งสอนของคนรุ่นเก่าที่มีต่อลูกหลานเพราะการจะคบหาใครต้องรู้ที่มาและที่ไป ไอ้คนไหนชอบเข้าโต๊ะสนุกฯต้องพยายามหนีห่างให้ไกล

แต่ทุกวันนี้พวกที่เข้าโต๊ะสนุกเกอร์ไม่ใด้เป็นเลวเช่นขี้ปากคนยุคก่อน แต่ละคนมีการศึกษาถึงขั้นปริญญา ยกตัวอย่าง อรรถสิทธิ์ มหิทธิ หรือ บิ๊ก สระบุรี อดีตแชมป์สมัครเล่นโลกเมื่อปี 2550 ปัจจุบันเป็นมหาบัณฑิตที่จะเข้ารับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต หรือ อาร์แบค ในวันที่ 10 พฤษภาคม หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต นอกจากนี้ยังพากลุ่มน้องๆนักสนุกเกอร์อีก 5 คนเข้ารับ ปริญญาตรี ประกอบด้วย นักสนุกเกอร์สาว สันทินี ใจซื่อกุล(นัท สระบุรี) กอบกิจ พลาจิณ(ชิม ศิษย์ต่าย)สุพจน์ แสนหล้า(แจ๊ค เชียงใหม่)ชินกฤษณ์ เยาวรรณศิริ(ตุ่ย บางบอน) และปรมินทร์ ด่านจิรกุล(นุ๊ก นครสวรรค์) ที่จะเข้ารับปริญญาพร้อม บิ๊ก สระบุรี นอกจากนี้ยังมีที่กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาอีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น(โค้ชต่าย พิจิตร) ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์, สุริยา สุวรรณสิงห์(สุริยา พัทยา)เทพไชยา อุ่นหนู(เอฟ นครนายก)และ นิชา ชิดชมนาด(ไอซ์ ทีบีซี.)และ นพดล แสงนิล(แซค โซโฟน) ก็อยู่ในระหว่างทำปริญญา

นี่คือการยืนยันว่า นักสนุกเกอร์ ไม่ใช่จะเลวร้ายเหมือนอย่างที่คนยุคเก่าว่าไว้ ปัจจุบันสนุกเกอร์มีการพัฒนาฝีมือจนทำให้ คนไทย ก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางด้วยการเป็น แชมเปี้ยนโลกมาแล้วถึง 7 คนไล่ตั้งแต่ รัชพล ภู่โอบอ้อม(ต๋อง ศิษย์ฉ่อย)ได้แชมป์โลกปี 2531 นพดล นภจร(หนู ดาวดึงส์)แชมป์โลกปี 2534 ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์(ต่าย พิจิตร)แชมป์โลกปี 2536 ศักดิ์ชัย ซิมงาม(ชัย ลำพูน)อรรถสิทธิ์ มหิทธิ(บิ๊ก สระบุรี)แชมป์โลกปี 2550 เทพไชยา อุ่นหนู(เอฟ นครนายก)แชมป์โลกปี 2551 และ เดชาวัต พุ่มแจ้ง(แจ๊ค สระบุรี)แชมป์โลกคนล่าสุดปี 2553

แต่ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2529 เคยมีแชมป์ประเทศไทยที่จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คือ ปฏิพัทธ์ วัฒนาพร หรือ หนุ่ย สุคนฑชาติ นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกที่เล่นสนุกเกอร์ไม่ใช่ พวกกุ๊ย ที่ไร้การศึกษาจนเป็นที่กล่าวหาของคนสมัยก่อน และอนาคตจับตาดูให้ดีนักสนุกเกอร์จะคว้า ด๊อกเตอร์ เพราะหลังจากรับปริญญาโท บิ๊ก สระบุรี จะทำปริญญาเอกต่อทันทีและเมื่อนั้นวงการสอยคิวก็จะลบคำปรามาศ

ไอ้พวกสนุกเกอร์มันคือ พวกกุ๊ย