ช่วยกันตอนเป็น

5 เม.ย. 56

 หลังจากเขียน “บทนำ” ในคิวทองปรากฏว่าคนในวงการสนุกเกอร์อ่านแล้วเกิดสงสารจัมโบ้ เอ ต่างยื่นมือเข้าช่วยเหลือตามกำลัง เริ่มตั้งแต่ คุณอารมณ์ พิลิแก้ว สมาชิกคิวทองลำดับที่ 579 ส่งเงินมาช่วยเหลือ 1,000 บาท คุณพิชัย ตันเจริญ จากอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ส่งเงินสดช่วยเหลือ 1,500 บาทนอกจากนี้ คุณวิบูลย์(หมี) ตระการสืบกุล จากบริษัทบูลย์ชัย จำกัด ซึ่งอยู่ที่ชายทะเล บางขุนเทียน กทม.เห็นใจในชะตากรรมเพื่อนร่วมชาติ บริจาคให้เป็นเงินเดือน 2,000 บาทโดยจ่ายเข้าบัญชี จัมโบ้ เอ แต่เนื่องจาก จัมโบ้ เอ ไม่เคยเปิดบัญชีเมื่อมีผู้ใจบุญส่งเงินช่วยเหลือจึงต้องใช้บัญชีของ แม่ดาวรุ่ง ฝ่ามถิ ที่คอยดูแลมาตลอด เลขบัญชี น.ส.ดาวรุ่ง ฝ่ามถิ ธนาคารกรุงไทย สาขาปฏิพัทธ์   050004296-9

ผมเคยถามความรู้สึก จัมโบ้ เอ หลังจากประสบเคราะห์กรรมเดินเหินไม่ได้เป็นอัมพาตและที่ร้ายกว่านั้น ไม่มีโอกาสได้เห็นโลกอันสวยสดงดงามมีความรู้สึกเช่นไร

เขาตอบว่า มันทรมานสุดๆ จากคนที่เคยมองเห็นโลกกว้างกลับกลายเป็นคนที่อยู่ใน โลกมืด ไม่รู้ตอนไหนกลางวัน ตอนไหนกลางคืน มันทรมานจิตใจเหลือร้ายจนบางครั้งเคยคิด อยากตาย เพราะอยู่ไปก็เดือดร้อนพี่ๆน้องๆรวมถึง แม่ดาวรุ่ง ที่คอยดูแลมาตั้งแต่ยังเล็ก

มาทำใจหลังจากเวลาผ่านไป 1 ปี แม้ตาจะมองไม่เห็นแต่บางวันก็ได้ยินเสียงเพื่อนๆโดยเฉพาะ คนในวงการสนุกเกอร์ยกหูพูดคุยทำให้ความเหงาบรรเทาเบาบาง จัมโบ้ เอ ถือโอกาสขอบคุณเพื่อนนักสนุกเกอร์ทุกคนที่คอยให้กำลังใจและขอให้อดทนต่อสู้กับ โลกมืดต่อไปโดยเฉพาะ พี่ธวัช หาดใหญ่(ธวัช สุจริตธุรการ)นักบิลเลียดทีมชาติ ที่คอยให้กำลังใจตลอดมา

ทุกวันนี้ จัมโบ้ เอ อยู่ได้ด้วยเงินช่วยเหลือจาก คุณสินธุ พูนศิริวงศ์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดฯเดือนละ 3,500 บาทและจาก เบี้ยยังชีพคนพิการอีก 800 บาท

เขียนถึงเรื่อง สมาคมกีฬาบิลเลียดฯที่ให้การช่วยเหลือ จัมโบ้ เอ เมื่อ 2 ปีก่อนต้องถือเป็น วาสนาของคนพิการ หากวันนั้น คิวทอง ไม่สั่งการให้ เป้า ศิษย์ฉ่อย นำพา จัมโบ้ เอ เข้าหานายกฯสินธุ พูนศิริวงศ์ ก็คงไม่ได้เบี้ยยังชีพทุกเดือน เพราะหากเสนอให้ สมาคมฯช่วยเหลือก็จะได้แค่ ครั้งเดียว อาจจะเป็นเงิน 10,000 หรือ 5,000 บาทก็แล้วแต่ความเดือดร้อนระดับไหน

 แต่หนนั้น จัมโบ้ เอ ถูกพาเข้าหา นายกฯสินธุ ถึงสำนักงานทำให้ นายกฯเห็นสภาพแล้วอดไม่ได้ที่ต้องช่วยเหลือด้วยความเต็มใจแถมยังสั่งการให้ คิวทอง ช่วยนำพา จัมโบ้ เอ ไปรักษาดวงตาให้หายเป็นปกติ ให้ได้เห็นโลกอันสดสวยต่อไปโดยให้ไปรักษาที่ รัตนินจักษุแพทย์ ซึ่งถือเป็นสถานที่สุดยอดในเรื่องการรักษาดวงตา และสถานที่แห่งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า สนนราคาค่ารักษาแพงอย่าบอกใคร แต่ถึงกระนั้น นายกฯสินธุ ก็เจตนาอยากให้ นักกีฬา กลับเห็นโลกอีกครั้งแม้จะเสียค่าใช้จ่ายมากก็สู้

และเนื่องจาก สายตา ถูกกระทบจนเยื่อตาขาดทำให้แพทย์ไม่สามารถเยียวยา จัมโบ้ เอ จึงต้องทนสภาพอยู่ในโลกมืดตลอดไป ซึ่งทุกวันนี้ จัมโบ้ เอ อาศัยญาติอยู่ที่จังหวัดหนองคาย ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นและผ่านไปวันๆแบบไร้จุดหมาย ขอให้มีอาหารกินครบ 3 มื้อก็อยู่ได้

จึงฝากบอกบุญมายังแฟนสอยคิวอีกครั้ง ใครที่อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยเฉพาะเป็น คนไทย โปรดช่วยเหลือได้โดยการผ่านบัญชีของ แม่ดาวรุ่ง เพราะเงินทุกบาททุกสตังค์ของท่านจะช่วยให้ จัมโบ้ เอ มีชีวิตที่ยืนยาวอีกต่อไปซึ่งเขาเล่าว่า บางครั้ง บางโอกาสเขาอยากมองเห็นโลกอีกครั้ง พยายามเพ่งสายตา เพ่งแล้วเพ่งอีกจนปวดตาก็ไม่อาจมองเห็นเขียนมาถึงจุดนี้อดนึกถึงเพลงของ   ประเทือง บุญยประพันธ์ นักร้องดังในอดีตที่ ตาบอดสนิทแต่งเพลง ลิขิตที่มืดมน จนโด่งดังเป็นพลุแตกเมื่อ 60 ปีซึ่งเนื้อเพลงกินใจใครต่อใครตราบเท่าทุกวันนี้เพราะเนื้อหาบางตอนมีดังนี้

บางครั้งอยู่แต่เพียงผู้เดียว 

แสนเปลี่ยวดวงใจ 

อยากจะเห็นธรรมชาติ

  เพ่งจนปวดตาโถวาสนามันน่าอนาถ

  ไม่สามารถมองเห็น

  คงเป็นเวรมาบั่นทอน

บทเพลง ลิขิตที่มืดมน ช่างกินใจใครต่อใครโดยเฉพาะ ผู้ที่อยู่ในโลกมืด จึงได้แต่หวัง จัมโบ้ เอ จะมีจิตใจเข้มแข็งเพื่อต่อสู้ต่อไปซึ่งเชื่อแน่ว่า ผู้ใจบุญจะไม่ทอดทิ้ง คนไทย 

เพราะช่วยกันตอนเป็นดีกว่าเห็นกันตอนตาย