คลื่นลูกหลัง - Editor Talk

31 ส.ค. 60

ถึง แม้ 2 คุณน้า รมย์ สุรินทร์-วัช หาดใหญ่ จะช่วยกันแย่งเหรียญทองจากแชมป์เก่า เมียนมาร์ มาได้ก็ตาม แต่บรรดากองเชียร์แทบจะ หัวใจวาย เพราะก่อนหน้านี้ก็ทำท่าจะวายถึง 2 ครั้ง โดยหนแรกกว่าจะเอาชนะ อินโดนีเซีย ก็หืดจับมาแล้ว เพราะเอาชนะในเกมสุดท้ายเฉือนชัย 3-2 พอนัดที่สองเจอ “ตัวเต็ง” จากสิงคโปร์ซึ่งมีแชมป์โลก ปีเตอร์ กิลคริสต์ จับคู่มือพูล เหยา เต็ก ชิน โดนนำไปก่อน 0-2 แต่หลังจากนั้นเหมือนผีเข้า รมย์-วัช ฮึดสู้ไล่ทิ่มอาจารย์กวาด 3 เกมติด เอาชนะไปแบบเฉียดฉิว 3-2

พอถึงนัดชิงชนะเลิศเจอกับแชมป์เก่า เมียนมาร์ที่มี อ่อง เท คู่ มิน ซิ ทู ตุน เริ่มสตาร์ท รมย์-วัช ออกคิวแบบมั่นใจนำโด่ง 2 เกมแรก แต่หลังจากนั้น เมียนมาร์ เริ่มตีตื้นขึ้นมาชนะในเกมที่ 3 แล้วต่อด้วยเกม 4 ส่งผลให้สกอร์เสมอกัน 2-2 ต้องชี้ขาดกันเกมสุดท้ายโดย รมย์ ออกนำก่อนเข้าเบรกยาว 55 แต้ม ถูกเมียนมาร์ตามมา 18-71 หลังจากนั้น วัช หาดใหญ่ออกมาปิดเกมให้ ไทย ชนะ เมียนมาร์ 3-2 เกม คว้า เหรียญทองแรก อย่างภาคภูมิใจ

หลังจบการแข่งขัน รมย์ สุรินทร์ ประกาศขอสู้ศึกบิลเลียดซีเกมส์จนอายุ 60 ปี ซึ่งปัจจุบันอายุ 55 ปี ในขณะที่เพื่อนคู่หู วัช หาดใหญ่ อายุก็ขึ้นเลขห้า 52 ปี หากเอามารวมกัน 107 ปีกับการคว้า เหรียญทองซีเกมส์โดย วัช หาดใหญ่ เปิดใจหากสมาคมฯ ยังเรียกใช้บริการก็ไม่ขัดข้อง เพราะทุกวันนี้ก็ยังจับคิวเป็นประจำ เพราะปัจจุบันรับสอนบิลเลียด-สนุกเกอร์ให้ผู้สนใจอยู่ที่สโมสรทีบีซี หัวหมาก

กีฬาทุกชนิดอายุถือว่าสำคัญ ไม่ใช่เป็นแค่ตัวเลข เพราะหากวัยมากขึ้นสภาพร่างกายก็ลดน้อยถอยลงเป็นเรื่องธรรมดา สนุกเกอร์-บิลเลียดก็เช่นกัน เมื่ออายุเกิน 40 ปี ปัญหาก็จะตามมา ซึ่งส่วนใหญ่คือ สายตายาว ต้องปรับสภาพตัวเอง บางคนสวมแว่นหรือหาคอนแทคเลนส์ช่วย

การฝึกบิลเลียดปกติคนทั่วไปไม่นิยม อาจจะเป็นเพราะบิลเลียดมีการแข่งขันน้อย 1 ปีแข่งกันหนเดียว เช่น ชิงแชมป์เอเชียหรือชิงแชมป์โลก หากเป็นในประเทศก็แค่ชิงแชมป์ประเทศไทย ดังนั้นจึงอย่าแปลกใจทำไม นักบิลเลียดไทยจึงมีแค่ รมย์ สุรินทร์-วัช หาดใหญ่ ซึ่งปัญหาขาดแคลนนักบิลเลียดไม่ใช่มีเฉพาะไทย แต่เป็นปัญหาทั่วโลก จนหลายชาติต่างเลิกราไม่ส่งนักกีฬาร่วมแข่งขัน จึงเหลือแค่ประเทศในแถบยุโรปไม่กี่ชาติ ส่วนในเอเชียก็มีเพียง อินเดีย-ไทย-เมียนมาร์ และ เวียดนาม

สำหรับบิลเลียดประเภทเดี่ยว 2 เซียนไทยตกรอบตั้งแต่ไก่โห่โดย วัช หาดใหญ่ แพ้ เนย์ เตียว อู้ มือเก๋าของเมียนมาร์และ รมย์ สุรินทร์ เสียท่าให้มือสนุกเกอร์ที่หันมาเล่นบิลเลียด หม่องโคโค

มีแฟนหลายคนถามไถ่มายัง คิวทอง นักบิลเลียดไทย มีแค่ รมย์-วัช หรือ วัช-รมย์ แค่นี้หรือ นักบิลเลียดหน้าใหม่ไม่มีใครมาทดแทนคู่นี้หรือไง เพราะหากเปรียบ รมย์-วัช เป็นเครื่องยนต์ก็ใช้มานานนับสิบปี เครื่องเคราย่อมชำรุด ซึ่งถึงเวลาต้องมีการ ยกเครื่องใหม่ หรือหาเครื่องใหม่มาทดแทน

ถามมาก็ตอบไป ไม่มีใครอยากเล่นบิลเลียด ก็อย่างที่บอกไว้ บิลเลียด 1 ปีมีแข่งหนเดียว แถมเงินรางวัลน้อยมาก แทบไม่พอค่าเครื่องบินด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจและอยากที่จะเล่น แต่จากการแข่งขันบิลเลียดชิงแชมป์ประเทศไทยปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นแวว นักบิลเลียดหน้าใหม่ ที่คุ้นหน้า เพราะมาจากการเล่นสนุกเกอร์ ซึ่งมีทั้ง ยุทธภพ ภาคพจน์ (นุ้ก จันท์) และ เอกรวี อั๊งคำ (ตูน วัดด่าน) ที่ถือเป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะทดแทนรุ่นน้า ที่นับวันสังขารจะร่วงโรย ซึ่งการมาเล่นบิลเลียดหนนี้ทั้ง นุ้ก จันท์ และ ตูน วัดด่าน ไม่ได้คิดจะเอาดีด้านนี้ แต่ลงแข่งเพื่อหาประสบการณ์ไปใช้กับการเล่น สนุกเกอร์ ซึ่งทั้งคู่มีลูกตบหลังซึ่งถือเป็นหัวใจในการเล่นบิลเลียด คงต้องจับตาดูหากหมดยุค รมย์-วัช หรือ วัช-รมย์ ก็จะถึงคิวคนรุ่นใหม่ที่ชื่อ

ยุทธภพ ภาคพจน์-เอกรวี อั๊งคำ คงต้องติดตาม

 

ศักดา รัตนสุบรรณ

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 418)