ชีวิตบัดซบ ทรมานยิ่งกว่าตาย
ผม เคยเขียนถึงนักสนุกเกอร์รายหนึ่งที่ประสบเคราะห์กรรมในชีวิต ได้นำลงตีพิมพ์ในนิตยสาร “คิวทอง” ฉบับประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2551 จากวันนั้นถึงวันนี้อีกไม่กี่เดือนก็ครบ 5 ปี นักสนุกเกอร์อาภัพที่ว่ารายนี้คือ เจก เมธาธิกุล อดีตนักสอยคิวฝีมือดีในดิวิชั่น 1 ที่เคยปะทะกับ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ในการแข่งขันชิงแชมป์แรงกิ้งของไทยมาแล้วหากเอ่ยถึง นายเจก เมธาธิกุล เชื่อแน่ว่าน้อยคนจะรู้จักแต่ถ้าเอ่ยชื่อ จัมโบ้ เอ บรรดานักสอยคิวต่างร้องอ๋อไปตามๆกันเพราะเมื่อปี 2546 จัมโบ้เอ ถูกประกบพบกับ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ในการแข่งขันไทยแลนด์แรงกิ้งที่สโมสรแม็กบี ในรอบ 16 คนโดยการดวลคิวหนนั้น ต๋อง อาศัยความเก๋าเอาชนะ “ดาวรุ่ง” จัมโบ้เอ 4-2 เฟรม และไม่มีใครคาดคิดอีกไม่กี่เดือนต่อมา จัมโบ้เอ ก็อันเป็นไปถูกลอบทำร้ายเจียนตาย ถูกตีด้วยของหนักที่ศีรษะและแขนขาซึ่งในเวลาต่อมาก็กลายเป็น คนพิการ กล่าวคือตาบอดสนิททั้ง 2 ข้างเพราะประสาทตาถูกกระทบจนฉีกขาดไม่อาจแก้ไข ซ้ำร้ายกว่านั้น แขน-ขา หักสะบั้นพิการช่วยตัวเองไม่ได้จนกลายเป็น อัมพาต ตราบเท่าทุกวันนี้
เขียนถึง ชะตากรรม ของนักสอยคิวรายนี้อดสลดและหดหู่ใจยิ่ง ลองหลับตาวาดภาพ คนที่ตาดีเดินเหินได้ แต่กลับต้อง ตาบอด มองอะไรไม่เห็นมันช่างทรมานแสนสาหัสขนาดไหน?และยิ่งไม่สามารถเดินได้ความปวดร้าวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ผมเคยถามเจ้า จัมโบ้เอ ว่าเมื่อชีวิตพลิกผันอยู่ในสภาพนี้รู้สึกอัดอัดมากไหม?
ได้รับคำตอบว่า เขาอยากจะตายพ้นจากโลกที่โหดร้าย ทำไมจึงต้องให้เขาพิการทั้ง ตาบอด เดินไม่ได้ มันทรมานและปวดร้าว
ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
ตายซะยังดีกว่าอยู่ด้วยความทรมานและเป็นภาระแก่คนข้างหลัง ทั้งหมดนี้เป็นความในใจของ ลูกผู้ชายที่ชื่อ เจก เมธาธิกุล ที่ชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็จาก เพื่อนพ้องน้องพี่ ที่ยังไม่อยากให้เขาตาย และที่ลืมไม่ได้ก็คือสมาคมกีฬาบิลเลียดของ สินธุ พูนศิริวงศ์ ที่ช่วยเหลือให้เขาได้อยู่ดูโลกต่อไปโดยช่วยค่าใช้จ่ายเดือนละ 3,500 บาท
และจะช่วยตลอดไปจนกว่าชีวิต คุณสินธุ พูนศิริวงศ์ จะหาไม่ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินส่วนตัวของ ท่านนายกฯ ไม่ได้เกี่ยวกับเงินสมาคมฯ โดยก่อนหน้านี้ คุณสินธุ ก็ให้ความช่วยเหลือลูกๆนักสนุกเกอร์หลายต่อหลายคนอาทิ ลูกสาววิเชียร แสงทอง หรือ เซียนกิ๊ด นครสววรค์ อดีตทีมชาติรุ่นแรกที่มีปัญหาในการศึกษา คุณสินธุ ก็ส่งเสียจนจบปริญญาและมีงานทำเรียบร้อยจนกระทั่ง เซียนกิ๊ด ได้ลาจากเมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมานอกจากนี้ลูกสาว เซียนโก๊ะ อยุธยา หรือ นิพนธ์ ผมเงิน อดีตทีมชาติบิลเลียดก็ได้รับการส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาเช่นกันหลังจากที่ นายกฯสินธุ ไปร่วมงานเผาศพ โก๊ะ อยุธยา ก็ตกปากรับคำให้ความช่วยเหลือซึ่งขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี ลูกของ โก๊ะ อยุธยา ก็ยังได้รับทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องแล้วถ้าเพิ่มค่าใช้จ่ายช่วย จัมโบ้เอ อีกสักคนจะเป็นไรไป
นอกจากสมาคมกีฬาบิลเลียดฯของ คุณสินธุ พูนศิริวงศ์ จะช่วยค่าใช้จ่ายให้ จัมโบ้เอ ได้สู้ชีวิตต่อไปยังมีนักสนุกเกอร์(ทีมชาติ)รุ่นน้องที่เปี่ยมด้วยน้ำใจคอยให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องคือ นพดล แสงนิล หรือ แซค โซโฟน อดีตนักสนุกเกอร์”ทุนพระราชทาน” ซึ่งวันใดที่เจอ จัมโบ้เอ ก็จะสละเงินส่วนตัวเข้าช่วยเหลือโดยไม่บิดพลิ้วแต่อย่างใด ซึ่งครั้งก่อนเคยช่วยถึง 30,000 บาทและครั้งล่าสุดก็ช่วยไปอีกจำนวนหนึ่งซึ่งถือเป็นการ สร้างบุญและช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่ไม่อาจช่วยตัวเองได้ และจากผลบุญของนักสอยคิวรายได้เชื่อแน่ว่า ชีวิตจะต้องรุ่งโรจน์เพราะจิตใจงดงามแถมมีคุณธรรมประจำใจ
ชีวิตอันทุกข์ทรมานของ เจก เมธาธิกุล หรือ จัมโบ้เอ น่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนในวงการ ช่วงที่ร่างกายสมบูรณ์ต้องเก็บออมเผื่อตอนแก่ชราหรือช่วงเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะอนาคตไม่มีใครอาจทราบได้ว่าจะเกิดเหตุใดในภายภาคหน้า หากเตรียมตัวเตรียมใจตั้งแต่บัดนี้ก็จะไม่เป็น ภาระสังคม ซึ่งในช่วงที่กำลังดีๆก็หมั่นทำแต่ความดีสร้างบุญสร้างกุศล จะได้พ้นภัยไม่เหมือน
จัมโบ้เอซึ่งเปรียบเสมือน ตายทั้งเป็น
