หลับให้สบาย ดร เมืองชล
6 มิ.ย. 59 |
เมื่อ กลางปี 2526 หรือย้อนหลังไปเมื่อ 33 ปีที่แล้ว มีเด็กหนุ่มรูปร่างผอมโกรกมาหาที่อาคารมิตรเดือนเด่น ประตูน้ำ แสดงเจตจำนงอยากแข่งสนุกเกอร์ ซึ่งมีการแข่งขันประจำที่อาคารมิตรเดือนเด่น เมื่อสอบถามชื่อแซ่ได้ความว่าชื่อ ดร เมืองทอง และถือเป็นธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติ หากนักกีฬาจะลงแข่งขันต้องทดสอบฝีมือกับ คิวทอง เพื่อเป็นการวัดฝีมือและระดับมาตรฐานว่าจะลงแข่งขันในประเภทใด ซึ่งผลการทดสอบปรากฏว่า ดร เมืองทอง สอบผ่านเพราะนอกจากความแม่นยำ ทางหนีทีไล่หรือลูกแก้ไขทำได้ดี และด้วยเหตุนี้ชื่อของ ดร เมืองทอง จึงถูกบรรจุเข้าแข่งขันในประเภท ข. และต่อมาขยับขึ้นระดับต้นๆ ของ ประเภท ก. ในช่วงเวลาไม่นานชื่อของ ดร ก็เป็นที่รู้จักของแฟนสอยคิว ซึ่งต่อมาย้ายสถานที่มาเป็นเซียนประจำอยู่หลังโรงภาพยนตร์ออสการ์ ถนนเพชรบุรี จึงเปลี่ยนฉายาเป็น ดร ออสการ์ แต่เนื่องจากถิ่นกำเนิดอยู่จังหวัดชลบุรี คิวทอง จึงให้ใช้ฉายาจังหวัดบ้านเกิดเป็น ดร เมืองชล ตั้งแต่ปี 2529 เป็นต้นมา เพื่อเป็นเกียรติแก่ภูมิลำเนาของตัวเองเหมือนอย่างที่ คิวทอง ตั้งฉายา กิ๊ด นครสววค์, ตึ๊ก โคราช, ตา ลพบุรี, เง็ก อ่างทอง, โก๊ะ อยุธยา, ต่าย พิจิตร, เบิ้ม เชียงใหม่, ชัย ลำพูน ยกเว้น ต๋อง ที่ให้ฉายา ศิษย์ฉ่อย เนื่องจาก ต๋อง เป็นลูกแท้ๆ ของ ฉ่อย ซู่ซ่าส์ และได้รับการถ่ายเลือดจากการเล่นสนุกเกอร์จากผู้เป็นพ่อโดยตรง ถึงขนาด ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เจ้าของหนังสือพิมพ์สยามรัฐต้องแต่งกลอนขอเป็นศิษย์ฉ่อย ซู่ซ่าส์ ดร เมืองชล เจ้าของแชมป์ประเทศไทยปี 2530 ได้สิทธิ์ไปแข่งชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศมาเลเซียในปีนั้น และสามารถโค่นแชมป์เก่า ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ได้อย่างงดงาม 8-6 เฟรม แต่ในปีต่อมาป้องกันแชมป์ไม่ได้ เสียให้กับยอดฝีมือจากอินเดีย ยาชิน เมอร์ชานท์ จากนั้น คิวทอง จึงเบนเข็มให้มาเล่นบิลเลียดในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์เมื่อปี 2549 จับคู่กับ รมย์ สุรินทร์ ปรากฏว่า ดร ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถคว้าเหรียญทองบิลเลียดประเภทคู่ ได้รับ เงินอัดฉีดนับล้าน เป็นการแจ้งเกิดเต็มตัว แต่ไม่น่าเชื่อเงินล้านต้องหมดไปในไม่ช้าเนื่องจาก ดร มั่นใจฝีมือตัวเองอดีตเคยเก่งสนุกเกอร์-บิลเลียด แต่หันไปเล่นผีเบอร์ ซึ่งการเล่นผีเบอร์ ลูกแม่นหรือทางบิลเลียดไม่อาจช่วยได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการเล่น และรู้จักหลอกล่อจึงจะมีชัย และเมื่อเล่นนานเข้า เสียทุกวัน เงินอัดฉีดที่ได้มาก็ค่อยหมดไป จนกลับสู่ สภาพเดิม ซึ่งต่อมาเจ้าของอาคารมิตรเดือนเด่น ป๋าธนิต ตันติเมธ ได้ให้ที่พัก ดร อยู่ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าเช่าแฟลตเหมือนนักกีฬาคนอื่นๆ เช่น วิเชียร แสงทอง-ต่าย พิจิตร-โต้ง กันอริ-รมย์ สุรินทร์-อ๊อด เดือนเด่น-สายัณห์ อินทรา-จอม อัลคาซาร์ นักสนุกเกอร์ทุกคนได้รับการสนับสนุนจาก ป๋าธนิต ระยะหลังๆ ดร เมืองชล หมดสภาพจากการเล่นสนุกเกอร์และบิลเลียด จึงสอบเป็นกรรมการผู้ตัดสิน ทำหน้าที่ทุกครั้งที่มีการแข่งขัน โดยได้เบี้ยเลี้ยงตัดสินวันละ 1,000 บาท แต่ก็ไม่พอใช้ จนเวลาต่อมา ต่าย พิจิตร ดึงไปเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนกีฬาสนุกเกอร์ในศูนย์ฝึก กกท. ได้เงินเดือน 15,000 บาท จนกระทั่งโรคไทรอยด์ ที่สะสมมาแรมปีเริ่มโตขึ้นเรื่อย คิวทอง จึงบังคับให้ไปผ่าตัด เพราะช่วงที่ทำหน้าที่ผู้ฝึกสอน ไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาล เพราะทาง กกท. รับผิดชอบ และจากการไปผ่าไทรอยด์ปรากฏว่าตรวจพบเชื้อมะเร็งปอด ซึ่งเข้าสู่อาการขั้นสุดท้ายเมื่อต้นปี 2559 ดร เมืองชล เข้าๆ ออกๆ ที่โรงพยาบาลชลบุรี จนล่าสุดเมื่อต้นเดือน พ.ค. ก็ถูกนำส่งโรงพยาบาลรักษาที่ตึกสงฆ์ โดยอยู่ห้องรวมกับพระที่อาพาธ และเมื่อ 11 พ.ค. คิวทองและสุนทร จารุมนต์ ผู้จัดการทีมสอยคิวพร้อม พจน์ ทับทิม ไปเยี่ยม เสียเวลาค้นหานานเนื่องจาก ดร ทำคีโม ผมร่วงหัวโล้นจึง มองเหมือนพระ และไม่น่าเชื่อห่างเพียง 10 วัน วิญญาณ ก็ออกจากร่างอดีตแชมป์เอเชียในวัยเพียง 59 ปี และได้ฌาปนกิจเมื่อ 26 พ.ค. ท่ามกลางความอาลัยของคนในแวดวงสอยคิว หากดวงวิญญาณรับรู้อยากบอก ดร เมืองชล ชาติหน้าถ้ามีจริงอย่าเกิดมาเป็นนักสอยคิว แต่ให้เกิดเป็น เจ้าของขายอุปกรณ์-เจ้าของโต๊ะ สบายชัวร์ ศักดา รัตนสุบรรณ |