หัดเล่นสนุกเกอร์กันดีกว่า

21 เม.ย. 60

สี่สิบกว่าปีก่อน แหล่งบันเทิงของบ้านเรามีไม่มาก ยิ่งคนชั้นกลางลงมา ยิ่งมีทางเลือกน้อยลงไปอีก ตามบ้านนอก โต๊ะสนุกเกอร์จึงเป็นแหล่งบันเทิงอย่างหนึ่ง

ได้พักผ่อนหย่อนใจ และมีโอกาสมาพบปะเพื่อนฝูง

จะวัดดวง เสี่ยงพนันกันบ้างก็เล็กๆ น้อยๆ สำนวนจึงมีคำว่า “ติดหัวคิว” เหมือนวงการมวยใช้คำว่า “ติดปลายนวม” มีพอเป็นกระสายยาให้การเล่นคึกคักตั้งใจ

คนนอกวงการหรือคนไม่เคยเข้าโต๊ะสนุกเกอร์ กลับมองว่าเป็นแหล่งการพนันโดยเฉพาะ ข้อเท็จจริงแล้วการพนันในการเล่นสนุกเกอร์นั้น ไม่ได้มากมายจนทำให้ใครต้องหมดเนื้อหมดตัว สร้างความหายนะไปถึงครอบครัว

สมัยโน้นที่เงินแค่สองสามร้อยติดกระเป๋า ก็ขลุกอยู่ในโต๊ะสนุกเกอร์ได้ทั้งวัน ลงไปเล่นสนุกสนานไม่มีการพนันบ้าง ดูเขาเล่นบ้าง ถือหางวงนอกบ้าง

มากน้อยก็เท่ากำลังเงินในกระเป๋าของเรา และมันก็มีได้ๆ เสียๆ หมุนเวียนผลัดกัน เข้าโต๊ะสนุกเกอร์ในสมัยโน้น คนเข้ามองว่าไปพักผ่อนมากกว่า หาใช่เจตนาจะเข้าไปเล่นการพนันเป็นที่ตั้งไม่ เลิกงานก็ได้เจอะเจอพรรคพวกที่แวะมารวมตัวกันที่นั่นก่อนกลับบ้าน

ก็แหล่งหาความบันเทิงมันจำกัด ไม่เข้าโต๊ะสนุกเกอร์ก็ไปสังสรรค์กันตามร้านเหล้าในกรุงเทพฯ คนมีสตางค์หน่อยก็เข้าคลับเข้าบาร์

ในกรุงเทพฯ ยุคนั้น ไนต์คลับบูมมาก มีนักร้องดังๆ ทั้งหญิงและชายที่ร้องออกแผ่นเสียง มาร้องสดๆ ตัวเป็นๆ ให้ดู

แต่บ้านนอก หากไม่เข้าโต๊ะสนุกเกอร์ ไม่แวะเข้าร้านเหล้า ก็นัดหมายกันเล่นไพ่

ไพ่สมัยนั้นก็นิยมเล่นรัมมี่ พอป๊อกเด้งเข้ามา ไพ่รัมมี่ก็ซาไป นัยว่าได้เสียกันเร็วกว่า หากเป็นนักเลงหน่อยอาจจะบอกว่า ... เล่นรอตำรวจ หากพวกขาใหญ่มืออาชีพก็เล่นไฮโล เล่นกำถั่วไปนั่น ส่วนระดับชาวบ้านเวลามีงานศพ ก็ตั้งวงเล่นน้ำเต้าปูปลา กลายเป็นสิ่งบันเทิงไป

เช่นนี้ สนุกเกอร์สมัยนั้นจึงเป็นสถานที่สำหรับคนแทบทุกอาชีพแวะเข้าไปพักผ่อน มีเพื่อนมีฝูงคบหากันก็เจอจากที่นี่เยอะไป

ข้าราชการและพวกดาราภาพยนตร์มักชอบเล่นสนุกเกอร์

สถานที่ราชการตามต่างจังหวัดจะมีสโมสรข้าราชการ นอกจากมีอาหาร มีเครื่องดื่มบริการแล้ว ยังมีโต๊ะสนุกเกอร์ให้เล่น ส่วนพวกดาราภาพยนตร์ทั้งหลาย พอว่างเว้นจากการถ่ายหนัง ก็นัดหมายไปสังสรรค์ตามโต๊ะสนุกเกอร์

ที่ไต้ฮวด เฉลิมกรุง พวกดาราก็ชอบไปเล่น ราชตฤณมัยสมาคมก็ด้วย

ดาราหลายคนฝีมือชั้นดีทีเดียว แต่ไม่มีเวลาคลุกคลีอยู่กับโต๊ะ จึงไม่อาจถึงขั้น “เซียน” อย่างเช่น ไชยา สุริยัน อดุลย์ ดุลยรัตน์ ประจวบ ฤกษ์ยามดี ดาราเหล่านี้ชอบเล่นสนุกเกอร์ แล้วมีพนันติดหัวคิวกันนิดหน่อย

ตอนผมเด็กๆ ยังเคยเป็นมาร์คเกอร์ จดแต้ม ส่งเรสต์ ตั้งลูกให้พวกเขา

ทานทัต วิภาตะโยธิน ก็เข้าโต๊ะสนุกเกอร์ แต่ไม่เคยเห็นเล่น กลับชอบนั่งดูนั่งดื่ม และคอยรินเหล้า รินโซดา ให้เพื่อนๆ ดาราข้างต้น คงฝีมือด้อยว่าสามคนนั้น

ดาวตลก “เทพ เทียนชัย” ทีหลังพัฒนามาเป็นดาราภาพยนตร์ ก็ชอบเล่นสนุกเกอร์ มีฝีมือระดับเซียนเอาเลย ส่วน “เทพ โพธิ์งาม” ไม่เก่งเลย ตอนคุณพิศณุ นิลกลัด และคุณศักดา รัตนสุบรรณ จัดรายการ “เฟรมเดียวน็อค และชิงดำ” ถ่ายทอดสดทางทีวีช่อง ๗ เชิญมาออกรายการ

ก็เล่นเอาฮาได้ แต่เล่นให้คนอื่นไม่ต้องลุ้นเลย

ที่เล่าถึงคนโน้นคนนี้ ก็เพื่ออยากให้เห็นภาพว่า นักสนุกเกอร์ไม่ใช่นักการพนันเป็นหลัก หลายคนมีงานมีการที่มั่นคง แต่ชื่นชอบการเล่นสนุกเกอร์ เป็นทางออกทางเลือกในการใช้เวลาเพื่อพักผ่อน บันเทิง และเจอะเจอเพื่อนๆ อย่างหนึ่ง

คุณจะกว้างขวางขึ้น และหาเพื่อนใหม่ๆ ไม่ยากในโต๊ะสนุกเกอร์ มีอะไรแปลกๆ เป็นชีวิตที่หลากหลายให้ดู ทั้งน่าเป็นแบบอย่าง มีทั้งไม่น่าเอาเยี่ยงเอาอย่าง หลายคนเป็นตัวสีสันในวงการ ก้าวเข้าโต๊ะแห่งไหน ที่นั่นก็คึกคัก ครึกครื้น ได้หัวร่อ

ฉ่อย ซู่ซ่าส์ เป็นคนอารมณ์ดี ฝีมือทางสนุกเกอร์ก็ระดับเซียนคนหนึ่ง เวลาคู่ใหญ่ๆ กำลังเล่นกัน และคนดูล้อมรอบโต๊ะ ฉ่อย มักจะแสดงโวหาร และมีคำพูดให้ผู้อื่นได้คลายเครียด และหัวเราะครื้นเครงบ่อยๆ

แต่เซียนฉ่อยมีหัวใจเป็นนักสู้ นอกจากถือหางวงนอกแล้ว หากจับคิวลงเล่นเดิมพันกับใคร หากไม่หมดก่อนก็สู้จนยกสุดท้าย ไม่ติ๊ดชึ่ง คือพอได้ก็จะงอแงหาทางเลิก

จนผู้คนในวงการสนุกเกอร์ตั้งฉายาให้ ไม่มีไม่มา ไม่หมดไม่กลับ

ใครที่พอทันยุคฉ่อย ซู่ซ่าส์ ซึ่งตรงกับยุคสนุกเกอร์กำลังบูมสุดขีด ก็จะจดจำบรรยากาศในโต๊ะสนุกเกอร์ ในภาพเป็นแหล่งพบปะ สังสรรค์ พักผ่อนและบันเทิง

โต๊ะสนุกเกอร์ทุกแห่ง จึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ทั้งนักสนุกเกอร์ที่จะเข้ามาหาคู่เล่น ทั้งนักสนุกเกอร์ที่อยากจะมานั่งดูคนอื่นเล่น แวะหลังเลิกงานก่อนจะกลับถึงบ้าน

เป็นแหล่งเป็นสถานที่ ที่ดีกว่าก่อนกลับบ้านแวะไปร้านเหล้า ไปเข้าบ่อน หรือไปหาอีหนูโคโยตี้ หรือหมอนวด เป็นไหนๆ

 

อ๊อด  หัวหิน

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 413)