ฮิกกินส์ คว้าแชมป์โลก โค่น ทรัมพ์ 18-15 สุดตื่นเต้น
3 พ.ค. 54 |
ถือเป็นคู่ชิงที่สูสี ตื่นเต้นที่สุดคู่หนึ่ง ในครูซิเบิ้ลฮิกกินส์ คว้าแชมป์โลก โค่น ทรัมพ์ 18-15 สุดตื่นเต้น จอห์น ฮิกกินส์ คว้าแชมป์โลกสมัยที่สี่ให้กับตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการโค่นนักสอยคิวรุ่นหลาน จั๊ดด์ ทรัมพ์ ไปด้วยสกอร์ 18-15 เฟรม นับเป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ตื่นเต้น และเต็มไปด้วยคุณภาพล้วน ๆ นับตั้งแต่ที่ฌอน เมอร์ฟีย์ เอาชนะ แม๊ทธิว สตีเว่นส์ได้ในปี 2005 ฮิกกินส์ ได้กลายเป็นนักสนุกเกอร์คนที่สามของโลก ที่สามารถครองแชมป์โลกได้มากกว่า 3 สมัยขึ้นไปที่ครูซิเบิ้ล โดยมีเพียงสตีฟ เดวิส และ สตีเฟ่น เฮนดรี้ เท่านั้นที่ทำไว้ได้ก่อนหน้านี้ ฮิกกินส์ ตาม ทรัมพ์ อยู่ 7-10 เฟรมหลังจบวันแรก ได้อาศัยประสพการณ์และชั้นเชิงที่เหนือกว่า เอาชนะจั๊ดด์ ทรัมพ์ มาได้ถึง 11 ใน 16 เฟรมที่เล่นกันในวันที่สอง ทรัมพ์มีโอกาสทีจะเก็บชัยชนะได้เกือบทุกเฟรม แต่ก็มาพลาดลูกสำคัญ ๆ ในช่วงที่ชี้เป็นชี้ตายของแต่ละเฟรมซะเป็นส่วนใหญ่ ฮิกกินส์ คว้าเงินรางวัล 250,000 ปอนด์ และคว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยที่สามในห้าปีที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างยิ่ง ที่ในปี 2007 ฮิกกินส์เคยตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในตำนานของสุดยอดนักสอยคิวระดับโลก ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้น เขาเพิ่งจะคว้าแชมป์โลกไปได้เพียงครั้งเดียว มาถึงวันนี้ ชื่อของ จอห์น ฮิกกินส์ ได้ถูกสลักลงบนถ้วยแชมป์โลกถึง 4 ครั้งแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาคือหนึ่งในตำนานของกีฬาสอยคิวระดับโลกหรือไม่ 1 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ฮิกกินส์ประสพกับมรสุมชีวิตอย่างโชกโชน ทั้งเรื่องที่ถูกห้ามลงแข่งขันเป็นเวลา 6 เดือนหลังที่ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของการล้มเฟรมแข่งขัน ทั้งเรื่องความเจ็บป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิตของบิดา แต่ฮิกกินส์ ก็ยังโชว์ให้เป็นที่ประจักษ์ว่าเขาสามารถเอาเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ออกไปจากหัว แล้วกลับมาแข่งขันอย่างยอดเยี่ยมได้ โดยจะมีอาการที่อ่อนแอให้เห็นก็เฉพาะในช่วงการให้สัมภาษณ์ก่อนการแข่งขันเท่านั้น ด้วยผลงานและการเล่นสนุกเกอร์ที่คงเส้นคงวาในระดับแนวหน้าของโลกอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา และจากเวลาที่คิดว่ายังเหลืออยู่อีกมาก ฮิกกินส์เชื่อว่า เขามีโอกาสที่จะเขย่าสถิติการคว้าแชมป์โลก 7 สมัยของสตีเฟ่น เฮนดรี้ได้อีกด้วย นี่เป็นการคว้าแชมป์รายการสะสมคะแนน รายการที่ 24 ของฮิกกินส์ ซึ่งทำให้มีสถิติตามหลังสตีฟ เดวิส ที่ทำไว้ 28 รายการอยู่เพียง 4 รายการเท่านั้น และถึงแม้ว่า เขายังห่างจากสถิติ 36 รายการของเฮนดรี้อยู่อีกไม่ใช่น้อย และไม่ได้ลงแข่งขันรายการสะสมคะแนนต่าง ๆ ในฤดูกาลนี้ไปในช่วง 5 เดือนแรก เขาก็ยังสามารถคว้าแชมป์รายการสะสมคะแนนในปีนี้มาได้ถึง 3 รายการ รวมทั้งรายการ EPTC ทัวร์นาเมนท์ ซึงหมายความว่า เขาสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันในฤดูกาลนี้ได้ถึง 18 จาก 19 แมตช์ที่ลงแข่งขันในฤดูกาลนี้ ฮิกกินส์ เป็นผู้เล่นที่ไม่ยุบง่าย ๆ ไม่ว่า รอนนี่ โอ'ซุลลิแวน มาร์ค วิลเลียมส์ หรือ จั๊ดด์ ทรัมพ์ จะมีโอกาสต้อนเขาเข้ามุมได้อยู่หลายครั้ง แต่ฮิกกินส์ใช้ความเก๋า และประสพการณ์เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง โดยไม่มีการโดนนับ เรียกได้ว่า ยังไม่เคยมีนักสนุกเกอร์คนไหนเลย ที่โดนนำไป 50 กว่าแต้มแล้วยังสามารถกลับมาเอาชนะได้เหมือนฮิกกินส์ สำหรับผลงานของจั๊ดด์ ทรัมพ์ ในครั้งนี้ คงจะต้องเป็นที่จดจำต่อไปอย่างแน่นอน ว่าเขาเป็นผู้เล่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังคิว และสไตล์การเล่นที่ร้อนแรงดุดัน ที่สร้างความพอใจให้กับผู้ชมได้อย่างมหาศาลจากการตบลูกไกล ๆ และการสกรูขาวที่หวือหวา บรรยากาศของการแข่งขันในเซสชั่นสุดท้ายเป็นที่ยอมรับอย่างไม่ต้องสงสัยว่า สุดยอดที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทรัมพ์ ได้กุมหัวใจแฟนสนุกเกอร์ไว้ได้อย่างเด็ดขาด ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันเหมือนจิมมี่ ไวท์ สมัยหนุ่ม ๆ หรือ ฌอน เมอร์ฟีย์ ในปี 2005 คงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดาย หากทรัมพ์ไม่ได้จบการแข่งขันครั้งนี้ด้วยชัยชนะที่ราวกับเทพนิยาย และไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นนักสอยคิวของเขา จะต้องกลับมาประกาศศักดาอีกอย่างแน่นอน และด้วยผลงานที่คว้าแชมป์ได้หมาด ๆ มาจากรายการไชน่า โอเพ่นบวกกับรายการชิงแชมป์โลกครั้งนี้ ทรัมพ์ ได้ทำเงินจากการแข่งขันไปแล้วกว่า 185,000 ปอนด์ภายใน 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา และอันดับโลกของเขาที่ก้าวขึ้นสู่อันดับ 9 ในฤดูกาลหน้าอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็เชื่อว่าจะต้องดีขึ้นไปเรื่อย ๆ อีกด้วย ทรัมพ์ มีโอกาสก่อนในเฟรมแรกของเซสชั่นสุดท้าย ด้วยการเข้าเบรคไป 38 แต้ม ก่อนที่จะโชคร้ายไปเปลี่ยนลูกขาว ส่งผลให้ ฮิกกินส์ ฉวยโอกาสกวาดหมดโต๊ะไปด้วยเบรค 62 และชนะไป 5 เฟรมรวดในช่วงนี้ ไล่ตามจาก 9-12 กลับมาขึ้นนำเป็น 14 ต่อ 12 เฟรม ก่อนที่ทรัมพ์จะตีคืนมาได้ 1 เฟรมในเฟรมที่ 27 ในเฟรมที่ 28 ขณะที่ฮิกกินส์กำลังเข้าเบรคอยู่ เขาเกิดพลาดลูกดำจากจุดในขณะที่นำอยู่ 38-25 ซึ่งทรัมพ์ ก็ออกมากวาดหมดโต๊ะ ไล่ตามมาเสมอกันอีก ที่ 14 เฟรมเท่ากัน ในเฟรมถัดมา ทรัมพ์ ทำเบรคขึ้นนำไปก่อน 51-0 คะแนน แต่วางขาวไม่ได้หลังระเบิดกลุ่มแดง ฮิกกินส์ตามกลับมาด้วยเบรค 44 แต้มแล้วมาหลุดแดงลูกสุดท้ายข้างชิ่ง แต่ก็มาได้โอกาสคืนอีกครั้ง เมื่อ ทรัมพ์ มาพลาดลูกดำหลังได้แดงลูกสุดท้าย ด้วยการกวาดหมดโต๊ะ โดยเฉพาะลูกน้ำตาลที่เป็นลูกที่ยากด้วย ในเฟรมต่อมา ทำอะไรกันไม่ได้จนถึงลูกสี ฮิกกินส์ตบเหลืองหลุมยาว แล้วตามด้วยเขียว แต่ต้องมาแทงกันลูกน้ำตาล ทรัมพ์ที่ตามหลังอยู่ 15 แต้ม พยายามเช็ดน้ำตาลเหลี่ยมบางแต่พลาดไปจ่ออยู่ที่ปากหลุม ทำให้ฮิกกินส์ขึ้นนำไปเป็น 16 ต่อ 14 เฟรม ฮิกกินส์ทำท่าเหมือนจะทิ้งห่างไปอีกในเฟรมถัดมา แต่ไปพลาดลูกแดงหลุมล่างหลังจากเข้าเบรคไป 46 แต้ม ทรัมพ์ ลุกขึ้นมาเก็บชัยชนะในเฟรมนี้ไปได้ด้วยเบรค 70 แต้ม ไล่มาเป็น 15 ต่อ 16 เฟรม ในเฟรมที่ 32 ทรัมพ์มีโอกาสถึง 2 ไม้ แต่ก็ทำไปได้เพียง 39 แต้ม ฮิกกินส์ ตอบโต้ทันควันด้วยเบรค 50 แต้ม แล้วมาพลาดลูกน้ำตาลสุดท้ายโดยใช้เรสต์ แต่ก็มาเก็บน้ำตาลได้ในมี่สุดในไม้ต่อมา ทำให้ขึ้นแท่นไปก่อนที่ 17 ต่อ 15 เฟรม เฟรมที่ 33 ทรัมพ์ ทำท่าจะตีตื้นมาได้เมื่อเข้าเบรคไป 60 แต้ม แต่มาพลาดชมพูง่าย ๆ ทำให้ฮิกกินส์มีโอกาสตามมาอย่างช้า ๆ และเมื่อ ทรัมพ์ ตบแดงลูกสุดท้ายลงไป ฮิกกินส์ ยังตามอยู่ 32 แต้มเมื่อถึงลูกสี ฮิกกินส์ตบเหลือง เขียว น้ำตาล และ น้ำเงิน แต่ยังต้องการอีกหนึ่งสนุ้กฯ จึงจะชนะได้ ฮิกกินส์วางขาวเข้าหลังดำซึ่งทรัมพ์แก้ชมพูพลาด และหลังจากที่แทงกันไปอีกซักพัก ฮิกกินส์ ก็เบิ้ลชมพูลงหลุมกลางได้สำเร็จ พร้อมกินดำลูกสุดท้าย เฉือนเอาชนะไปด้วยคะแนน 62-61 คะแนน คว้าแชมป์โลกให้กับตนเองเป็นสมัยที่สี่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ |