นินทาเซียน

สวัสดีครับท่านผู้อ่านหนังสือนิตยสารคิวทอง หนังสือสนุกเกอร์เล่มแรกและเล่มเดียวของเมืองไทย ฉบับนี้ “จุ้ย คิวทอง” ขอพูดเรื่องของ “โอลิมปิกเกมส์” ครั้งที่ 31 ที่เมืองริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิลกันมากหน่อย เพราะ “จุ้ย คิวทอง” มาเกาะติดสถานการณ์การแข่งขันนักกีฬาทีมชาติไทยกันทุกชนิดกีฬา...

จะพูดถึงความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทย ต้องบอกว่ายินดีปรีดากับทีม “ยกเหล็ก” ของ “มาดามบุษ” บุษบา ยอดบางเตย ที่วางแผนกลยุทธ์ในการเรียกเหล็กได้อย่าง “เหนือชั้น” จนทำให้วงการยกน้ำหนักไทย “จั่วหัว” ฉลองชัยให้กับคนไทยทั้งประเทศ ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. เลย…

อีกอย่าง “จุ้ย คิวทอง” บอกเลยว่าเป็นเรื่องของ “โชคดี” และ “วาสนา” ด้วย กับนักกีฬาของไทย ที่คว้ามา 2 ทอง 1 เงิน และ 1 ทองแดง...

นักกีฬาที่น่าชื่นชมคือ “น้องแต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2012 ลอนดอนเกมส์ ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย ด้วยการครองเหรียญเงินได้ 2 สมัยในกีฬายกน้ำหนัก ซึ่งก่อนหน้านั้นมีทำมาได้แล้วคือ “มนัส บุญจำนงค์” นักมวยของไทยเรา...

เมื่อมาดูกีฬามวยสากลสมัครเล่นของไทยบ้าง ที่ “ริโอเกมส์” 2016 ครั้งนี้น่าผิดหวังอย่างมาก เพราะพลาดการ “คว้าเหรียญ” ในโอลิมปิกเกมส์ ในรอบ 40 ปีทีเดียว มันน่าจะมีอะไรที่ให้ผู้ใหญ่ในวงการได้คิดกันบ้าง...

แม้กระทั่ง “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการ กกท. ยังบอกว่าหากหมัดมวยกีฬา “มองด้วยสายตา” ยังให้คะแนนกันแบบนี้ ก็อยากจะเสนอให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี. พิจารณากันด้วยว่าจะต้องเอา “มวย” เป็นเกมที่มีการชิงชัย “เหรียญทอง” ต่อไปหรือไม่? หลังจากที่หลายชาติว่าการให้คะแนนนั้น “มันค้านสายตา” เสียเหลือเกิน...

มันเจ็บปวดและเจ็บกระดองใจกับ “ฉัตร์ชัย บุตรดี” ที่ชกได้อย่างเลิศหรู แต่มาถูกโกงการให้คะแนนชนิดกองเชียร์คนบราซิลยังต้องโห่ฮิ้วไม่รับการตัดสินเลย...

ทาง “ชิง กั้ว วู” ประธานไอบาก็ควรจะออกมาพูดเรื่องนี้ด้วย เพราะที่ผ่านมาดูนิ่งเสียเหลือเกิน หลังจากที่มีการแบ่งปันโควตาเหรียญให้กับทุกชาติเป็นที่เรียบร้อย ว่าตามนั้น...

อยากจะบอกว่า ฉลาดคิด...ไม่อาจสู้ ฉลาดใช้คนให้ทำงาน ความสำเร็จของเล่าปี่ มีดีที่ใช้คน เรื่องนี้คนชื่อ “พิชัย ชุณหวชิร” นายกเสื้อกล้ามไทย “ฉลาดใช้คน” ทำหน้าที่คุมทัพครั้งนี้หรือไม่? เพราะดูแล้วไม่น่าจะถึงชั้น ในการเป็นคนคุมทัพนักชกไทยที่ผ่านมาจริงๆ...

ในขณะที่เทควันโดของ “พิมล ศรีวิกรม์” นายกสมาคม ที่ส่ง “บิ๊กจ๊ะ” ดร.สมคิด ปิ่นทอง อดีตรองผู้ว่าการ กกท. รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมคุมทัพนักกีฬาชุดนี้ไปร่วมทำศึก ผลงานถือว่าเข้าตากรรมการกับ 1 เหรียญเงิน จาก “น้องเทม” เทวินทร์ หาญปราบ กับ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่คว้ามา 1 เหรียญทองแดง ถือว่าสอบผ่านและต้องยกเครดิตให้กับทาง “โค้ชเช” ชเว ยอง ซอก ชาวเกาหลีใต้ที่ยังทำทีมเทควันโดไทยได้ดี และอีกคนคือ “น้องแมกซ์” ชัชวาล ขาวละออ ผู้ช่วยโค้ช ที่ดูแลปลุกปั้นนักกีฬาชุดนี้เป็นอย่างดี เชื่อว่าจะเป็นอนาคตของชาติต่อไปอีกยาว แต่เทควันโดพูดยากหากเกิดเจ็บอะไรขึ้นมาก็ต้องยุติการแข่งขันลงเช่นกัน...

สำหรับกีฬาชนิดอื่นๆ ที่ส่งมาแข่งขันไม่ว่าจะเป็น ว่ายน้ำ เทเบิลเทนนิส เรือพาย วินด์เซิร์ฟ เทนนิส ก็เป็นเพียงแค่ไม้ประดับเท่านั้น...

ในขณะที่กีฬาความหวังอย่าง “แบดมินตัน” ที่มี “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ เป็นตัวชูโรงก็ต้องมาตกรอบ 16 เท่านั้น และ “น้องพีซ” พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข ก็ไปได้เพียงแค่ 8 คนสุดท้าย บทสรุปทีมลูกขนไก่ไทย “สอบตก” งานนี้ว่างั้น...

ในส่วนของ “น้องณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักกีฬายิงเป้าบินของไทยความหวังเหรียญเช่นกัน หลังจากที่สร้างผลงานคว้าแชมป์ระดับเวิล์ดแชมเปี้ยนชิพมา จนก้าวมาเป็นตัวความหวังได้เหรียญในโอลิมปิกเกมส์ ผลสุดท้ายสมาธิไม่นิ่งพอ เอาเข้าจริงๆ ก็ตกรอบแรก เขาว่า “หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม” อย่างนั้น แต่ “จุ้ย คิวทอง” ว่า อาจจะเป็นการมาอยู่บราซิลนานเกินไปหรือเปล่า จึงทำให้จิตใจไม่นิ่ง “วีณาแกว่งไกว” เลยพลาดโอกาสกับโอลิมปิกเกมส์หนนี้...

ส่วน “น้องเม” เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวไทยวัย 21 ปี ที่คว้าแชมป์มา 3 รายการ ก็ไปไม่ถึงดวงดาวเช่นกัน โชคไม่พาวาสนาไม่ส่ง เล่นกอล์ฟวันที่สาม “เจ็บเข่าซ้าย” จนทำให้ต้องถอนตัวหลังจากที่ขึ้นเป็นผู้นำ กลายเป็นตัวเต็งคว้าเหรียญใน “ริโอเกมส์” คิดแล้วมันน่าเสียดายจริงๆ ว่างั้น...

มาต่อเรื่องของสนุกเกอร์กันบ้าง การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ปี 2020 ประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ญี่ปุ่น จะจัดกีฬาอะไรบ้างเพิ่มอีก 5 ชนิดกีฬา ซึ่งไม่มีกีฬา “คิวสปอร์ต” นะครับ คนวงการสนุกเกอร์ก็ต้อง “ร้องเพลงรอ” กันต่อไปอีก ไม่รู้ว่าจะอีกสักชาติหรือต้องรอให้ครบ 112 ปีเหมือนกอล์ฟ ถึงจะได้เข้าร่วมแข่งขันกันจริงๆ...

“ผู้ว่าเสือ” สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ยังยืนยันว่าสนุกเกอร์ถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่อยู่ในประเภท กีฬานำร่องสู่อาชีพ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 13 ชนิดกีฬาประกอบด้วย กอล์ฟ, จักรยาน, แข่งรถยนต์, สนุกเกอร์, โบว์ลิ่ง, เจ็ตสกี, จักรยานยนต์, แบดมินตัน, เทนนิส, ฟุตบอล, ตะกร้อ, วอลเลย์บอล และ บาสเก็ตบอล...

โดยกีฬาสนุกเกอร์จัดได้ว่าสามารถที่จะมุ่งสู่เป้าหมายได้ไม่ยาก เนื่องจากปัจจุบันมี นักกีฬา 7 คนที่ได้ขึ้นไปเล่นอาชีพโลกคือ รัชพล ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย), เทพไชยา อุ่นหนู (เอฟ นครนายก), เดชาวัต พุ่มแจ้ง (แจ๊ค สระบุรี), นพพล แสงคำ (หมู ปากน้ำ), อรรคนิธิ์ ส่งเสริมสวัสดิ์ (ซันนี่ อาร์แบค), บุญญฤทธิ์ เกียรติกุล (ไฟว์ นครนายก) และ กฤษนัส เลิศสัตยาทร (นุ้ก สากล) ที่ยังโลดแล่นอยู่บนเวทีต่างประเทศและพร้อมสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย...

เรื่องนี้มันน่าคิดเหมือนกันสำหรับวงการสนุกเกอร์เมืองไทยในระดับอาชีพที่แข่งขัน หลังจากที่ เอฟ นครนายก ปลดล็อคทำแม็กซิมั่มเบรกสำเร็จ รับรางวัลเบรกสูง 20,000 บาท ส่วน แม็กซิมั่มเบรก เจ้าภาพปลอบใจมอบให้ 15,000 บาท โดยมีการเรียกร้องให้ สมาคมฯ จัดรางวัลแม็กซิมั่มเหมือนทั่วโลก เพราะเป็นหัวใจของเกม ซึ่งอดีต จันทบุรี เคยให้แต้มละ 1,000 บาท และ เอฟ สามารถทำได้เมื่อปี 2551 แต่ไม่ได้ถ่ายทอดทีวี. จึงรับแค่ครึ่งเดียว ในขณะที่ อัลฟี เบอร์เดน มืออาชีพทำไว้ที่สุพรรณบุรีแต่ไม่มีรางวัลถึงกับงง งานนี้ “บิ๊กสิน” สินธุ พูนศิริวงศ์ นายกคิวไทย รวมถึงสปอนเซอร์แสงโสมก็ควรจะเร่งพิจารณาเกี่ยวกับรางวัล “แม็กซิมั่มเบรก” ด้วย…

เจสัน เฟอร์กูสัน ประธานสหพันธ์สนุกเกอร์อาชีพโลก พอใจกับผลงาน อคาเดมีในเมืองไทย ที่สนุกเกอร์โลกสนับสนุนงบประมาณทำให้ นักกีฬาเอเชีย ร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมจนฝีมือพัฒนาขึ้นมาหลายชาติ โดยเฉพาะพวกตะวันออกกลางทั้ง อียิปต์-อิหร่าน-กาตาร์-ยูเออี ดีขึ้นผิดหูผิดตา จึงขอสนับสนุนงบประมาณต่อเนื่อง ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีของ “ต่าย พิจิตร” โค้ชสนุกเกอร์โลกยังมีงานทำต่อไป 555…

งานนี้แม้จะเป็นคู่ซี้กัน เข้าชิงฯ กันเอง แต่เมื่อลงสนามต้องสอยกันชนิดลืมความสัมพันธ์กันไว้ก่อน โดย “ใบพัด ศรีราชา” ออกคิวตอกย้ำชัยชนะเหนือ “น้องมิ้งค์ สระบุรี” อีกครั้งไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 เฟรม คว้าแชมป์เยาวชนสมัครเล่นโลก U-18 ในศึกสอยคิว “2016 IBSF World U18 & U21 Championships” ที่ประเทศเบลเยี่ยมได้สำเร็จ “จุ้ย คิวทอง” ต้องขอแสดงความดีใจด้วยกับหลานสาวคนเก่ง...

สำหรับนินทาเซียนในพื้นที่เดือนนี้หมดเสียแล้ว เดือนตุลาคมค่อยมาว่ากันใหม่นะครับ ต้องขอกล่าวคำว่าสวัสดีพบกันใหม่นะครับ...

จุ้ย คิวทอง

 (ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 406)