2 เกมใหญ่ในรอบปี
10 ม.ค. 60 |
ทันทีที่ท่านเปิดหน้านี้ของ “คิวทอง” แน่นอน ผมต้องขอกล่าวคำว่า “สวัสดีปีใหม่” ไปลามาไหว้ในสไตล์ของคนไทยด้วยกัน ปีใหม่ผ่านมาถึง อยากให้ทุกคนมีแต่ความสุข มีแต่ความโชคดีตลอดปีนี้ เรามีเวลาอยู่กับปีนี้เพียง 12 เดือนเท่านั้น จึงอยากให้ทุกคนเดินหน้าไปพร้อมกับปฏิทิน อย่าเดินตามเข็มนาฬิกา วนไปวนมาปวดตัวแย่!!! ปีนี้เกมสอยคิวในระดับประเทศ ทีมชาติไทยของเรากลับมาคึกคักกันอีกครั้ง เมื่อจะลงเล่นในปีเดียวกันถึง 2 รายการใหญ่ นั่นคือ เอเชียนอินดอร์-มาร์เชียลอาร์ตเกมส์ และซีเกมส์ ลำดับความสำคัญต่างกันออกไป อย่างแรก คือศึกระดับทวีปอย่าง “อินดอร์-มาร์เชียลอาร์ตเกมส์” แม้ว่าคิวสปอร์ตเราจะหลุดจากเอเชียนเกมส์มาด้วยเหตุผลกลใดก็ตามแต่ มาถึงตรงนี้ก็ต้องสู้ตาย เพราะเป็นเกมที่ใหญ่ที่สุดในระดับทีมชาติของชาวเอเชีย
เมื่อ 4 ปีก่อน “อินชอนเกมส์ 2013” ณ ประเทศเกาหลีใต้ เราทำสถิติต่างๆ มากมายเอาไว้อย่างน่ายกย่อง “รมย์ สุรินทร์” ประพฤติ ชัยธนสกุล คว้าเหรียญทอง 3 สมัย สุดยิ่งใหญ่ โดยรอบชิงบิลเลียด ประเภทเดี่ยว หักด่าน เหงียน ธัน บิน นักกีฬาจากเวียดนาม ด้วยสกอร์ 3-1 เกม ทำให้ รมย์ เป็นนักกีฬาคนแรกของประเทศไทย ที่ได้เหรียญทองจากรายการนี้ 3 สมัยติด เริ่มจาก มาเก๊า ปี 2007, เวียดนาม ปี 2009 และเกาหลีใต้ ปี 2013 ขณะที่ “แอม ทีบีซี” หรือ “แอม ร้อยครู” อมรรัตน์ อ่วมด้วง (วรัตน์ฐนัน ศุภ์กฤศธเนส) ที่ฝึกซ้อมอย่างจริงจริงไม่ถึง 2 ปี ก็คว่ำ อึ้ง ออน ยี นักแทงระดับแชมป์โลกจากฮ่องกง ไปได้ 4-3 เฟรม คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ เป็นนักกีฬาหญิงคนแรกของบิลเลียดสปอร์ตที่ได้เหรียญทอง เป็นนักกีฬาคนแรกที่ได้เหรียญทองจากสนุกเกอร์ในระดับชาติของประเทศ หนนี้ ไทยเราต้องบุกไปยังประเทศเติร์กเมนิสถาน ดวลคมคิวระหว่างวันที่ 17-27 กันยายนนี้ อย่างที่สอง คือ ซีเกมส์ นี่คือเกมแห่งศักดิ์ศรีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปกติแล้ว เราคือขาใหญ่แห่งเออีซีในเรื่องของการสอยคิว แต่ครั้งที่แล้วที่สิงคโปร์หวิดจอดป้าย เพราะเราได้เหรียญทองแรก เป็นเหรียญสุดท้ายของวันสุดท้ายที่แข่งขัน ก่อนหน้าจะเดินทางไปแข่งก็หัวใจแทบวาย เมื่อ “วัช หาดใหญ่” ธวัช สุจริตธุระการ นักกีฬาบิลเลียดทีมชาติไทย นอนหลับที่ห้องพักย่านรามคำแหง แล้วมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ทำให้เพื่อนสนิทต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล เดชะบุญที่ เจ้าหน้าที่ รพ.รามคำแหง นำเข้าห้องไอซียูทันทีเพื่อทำการรักษา โดยแพทย์ได้วินิจฉัยว่า เส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจตีบเฉียบพลัน ต้องรักษาโดยการฉีดสีถ่างขยายเส้นเลือด เพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจปกติจนพ้นขีดอันตราย อยู่รอดปลอดภัยอย่างจวนเจียน
กระทั่งการดวลคิวที่ โอซีบีซี อารีน่า ฮอลล์ 4 ประเทศสิงคโปร์ ทัพไทยเกือบมือเปล่า ลงชิงชัยวันสุดท้ายและเหรียญสุดท้าย ในการเเข่งขันบิลเลียดทีม รอบชิงชนะเลิศ “วัช หาดใหญ่” จับคู่กันกับ “รมย์ สุรินทร์” ประพฤติ ชัยธนสกุล บดชนะคู่เมียนมาร์แชมป์เก่าที่มี ตัน มิน ตู เเละ เซ อัง ไปได้ 3-1 เกม ครองเหรียญทองกู้หน้าได้สำเร็จ พร้อมกับเป็นเหรียญทองในรอบ 22 ปี เฉพาะประเภทบิลเลียดทีมด้วย หลังคว้าเหรียญทองครั้งสุดท้ายในการเเข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 17 ปี 1993 ที่สิงคโปร์เช่นกัน คราวนี้จะไปบรรเลงเพลงคิวกันที่ประเทศมาเลเซีย 19-31 สิงหาคมนี้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สองเกมนี้ถือว่าสำคัญอย่างมาก ในระยะเวลาที่ห่างกันไม่ถึง 1 เดือน และเป็นสองศึกที่บอกว่าตามตรงว่า “กีฬามีแพ้มีชนะ” แต่สำหรับผลงานของทัพคิวสปอร์ตที่ผ่านมา คือ “กีฬาแห่งความหวัง” ดังนั้นเราจะแพ้ง่ายๆ ไม่ได้ โดยเฉพาะ ซีเกมส์ นี่มีศักดิ์และศรีค้ำคอ แข่งก่อนอินดอร์เกมส์ ดังนั้นต้องทำความสำเร็จให้ได้ เพื่อเป็นกำลังใจสู้ศึกระดับเอเชียต่อไป ว่ากันว่า สนุกเกอร์ฝีมือ 80 เปอร์เซ็นต์ โชคชะตาวาสนาพาไปอีก 20 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่ต้องทำก็คือ ซ้อมให้จงหนัก เพื่อรักษามาตรฐานให้ใกล้เคียง 80 เปอร์เซ็นต์เอาไว้ให้มากที่สุด เพราะถ้าหากมีฝีมือแต่ขาดการฝึกซ้อม ก็อย่าหวังว่า ฟ้าจะประทานอีก 20 เปอร์เซ็นต์ให้ท่านเลย!!!
บี แหลมสิงห์ มาเยือน (ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 410) |