ป้อมยาม หมู่โฮม ฉบับที่ 420
1 พ.ย. 60 |
สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ............ในวันนี้ “ป้อมยามหมู่โฮม” ขอรวบรวม และนำเรื่องราวบางส่วนบางตอนของ “พระราชอารมณ์ขันของในหลวง รัชกาลที่ 9” มาให้ทุกคนได้จดจำที่สุดของพระมหากษัตริย์ไทย ที่ดูแลพวกเรามาตลอด 70 ปีอีกครั้ง แผ่นดินไทย ที่อยู่เย็นเป็นสุขมาถึงทุกวันนี้ ด้วยพระบารมีของพระองค์ ปวดฟัน-หลับใน-แจกใบปริญญาในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงตรัสในงานพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งว่า ตอนเช้าได้ทำฟัน คือว่าหมอฟันมาเจาะฟัน เจาะจนเกือบจะทะลุคางไป (เสียงฮาทั้งห้อง) … เพราะว่าทะลุฟันซี่นั้นถึงราก ถอนเอาประสาทออก แล้วหมอฟันทั้งหลายก็สนุกสนานไป (เสียงฮาทั้งห้อง) กินเวลาประมาณสองชั่วโมง “เวลาบ่ายโมงครึ่งก็ยังไม่ได้รับประทานอาหาร ก็รับประทานไม่ไหวปากมันชาไปหมดที่เขาฉีดไว้ ประมาณบ่ายสองโมงกว่า ๆ ก็ต้องมาแจกปริญญาที่นี่” นับจำนวนผู้ที่มารับปริญญาแล้วก็ดู นาฬิกา จะได้รู้เวลา นับไปนับมา แจกไปแจกมา ก็มีคนหนึ่งทำให้ตกใจ เขาเดินเข้ามาหา มารับปริญญา แล้วก็ด้วยความพอใจของเขา เขาร้องออกมาว่า “ทรงพระเจริญ” (เสียงฮา) “แต่บังเอิญตอนนั้นการแจกปริญญาก็ส่วนแจกปริญญา ส่วนปวดฟันก็ส่วนปวดฟัน (เสียงฮา) ส่วนหลับในก็ส่วนหลับใน (เสียงฮา) มีเสียงเขาบอกว่า ‘ทรงพระเจริญ’ ต้องโสตประสาทตกใจตื่นทั้งตัว” เราชื่อเดียวกันการใช้ราชาศัพท์กับ “ในหลวง” เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะปกติคนเรามักจะคุยกันเป็นภาษาชาวบ้าน ถึงจะเรียนมาก็ไม่เคยได้ใช้ มีอยู่หนึ่งเรื่องที่ ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ มีบันทึกว่า ด้วยพระบุญญาธิการและพระบารมีในพระองค์นั้นมีมากล้น จนบางคนถึงกับไม่อาจระงับอาการกิริยาประหม่ายามกราบบังคมทูลฯ จึงมีผิดพลาดเสมอ แม้จะซักซ้อมมาเป็นอย่างดีก็ตาม ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า......ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า “พลตรีภูมิพลอดุลยเดช” ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงาน ……. เมื่อคำกราบบังคมทูล ในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า “เออ ดี เราชื่อเดียวกัน...” ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย เพราะขนาดผู้กราบบังคมทูลรายงานตื่นเต้น จนกระทั่งจำชื่อตนเองไม่ได้ แต่ในหลวงทรงไม่ถือพระองค์แต่อย่างใด
เก่งราชาศัพท์ครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน พระองค์เสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายต่างก็แปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่ว และใช้ราชาศัพท์ได้ดีอย่างน่าฉงนของราษฎรผู้นั้น “ในหลวง” มีพระราชปฏิสันถาร ถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ ซึ่งราษฎรผู้นั้น จึงกราบทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า...” มาถึงตอนสำคัญ พระองค์ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว… พ่อลิเกเก่า จึงกราบบังคมทูลว่า “มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็กอยู่ ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว” เรื่องนี้เล่ากันว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะ ไม่ยกเว้นแม้แต่พระองค์ท่าน
ชื่อตามบุคลิกพระองค์ นอกจากจะทรงแข่งขันเรือใบ, ต่อเรือใบเอง ท่านยังทรงคิดค้น และออกแบบเรือใหม่นั่นคือ ประเภทม็อธ (Moth) โดยจำกัดความยาวไม่เกิน 11 ฟุต มีใบเดียว และเนื้อที่ไม่เกิน 75 ตารางฟุต แต่ไม่จำกัดความกว้างของเรือ มีทั้งหมด 3 แบบ 1. เรือมด 2. เรือซูเปอร์มด และ 3. เรือไมโครมด ทรงรับสั่งว่า ที่ให้ชื่อว่า มด นั้น เพราะมันกัดเจ็บ ๆ คัน ๆ ดี อีกทั้งพระองค์ ทรงพระราชทานชื่อเรือแปลก ๆ ให้กับผู้เป็นเจ้าของให้สอดคล้องกับบุคลิก อาทิ เจ้าของเรือเจ้าอารมณ์ ร้องกรี๊ดบ่อย ๆ ทรงพระราชทานชื่อว่า “Grease” หรือชื่อไทยว่า “กรี๊ด” ทรงพระราชทานชื่อว่า “Why” ให้กับเจ้าของเรือที่ชอบร้อง “ว๊าย” ระหว่างเล่น ทรงพระราชทานชื่อเรือไมโครมด ฝีพระหัตถ์พระองค์ว่า “Catfish” หรือ “ปลาดุก” ให้เข้ากับคำว่า “ดุ๊ค (Duke)” เมื่อครั้งที่ ดยุคแห่งเอดินเบอระห์ ทรงเรือไมโครมดไปเกาะล้าน ......โลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ เคยมีกษัตริย์ทรงแข่งขันกีฬาเรือใบและได้เหรียญทอง รวมทั้งสิ้น 3 ประเทศ ประกอบด้วย นอร์เวย์, กรีซ และไทย “ในหลวง” ของเรา เป็นพระองค์เดียวจากทวีปเอเชีย ที่ทรงชนะเลิศเหรียญทอง และ เป็นพระองค์เดียวที่ทรงชนะเลิศเหรียญทอง จากเรือใบที่ทำขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง……….. King of Kings
อ้ายเณร (ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 420)
|