สนุกเกอร์อาจได้แข่งซีเกมส์ โอลิมปิคไทยสนับสนุน

นักสนุกเกอร์ไทยจะได้สร้างชื่อในกีฬา “ซีเกมส์” ที่ประเทศอินโดนีเซียในปลายปี 2530 เพราะโอลิมปิคไทยเห็นแล้วว่าเป็นกีฬาที่ไทยจะได้เหรียญทองมาง่าย ๆ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ติดต่อ “คิวทอง” ให้รีบทำหนังสือด่วนเพื่อโอลิมปิคไทยจะได้แจ้งไปให้ประเทศเจ้าภาพรับกีฬาประเภทนี้แต่เนิ่น ๆ และมีสิทธิ์ที่จะถูกบรรจุเข้าแข่งขันเพราะเจ้าภาพไม่ตัดกีฬาประเภทอื่น มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น

นายสันติภาพ เตชะวณิช ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยกับ “คิวทอง” ว่า จากการที่ วัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักกีฬายอดเยี่ยมรองอันดับ 1 จากประเภทยุวชนอายุไม่เกิน 16 ปี ของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย และได้รับโล่พระราชทาน เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ภาพพจน์วงการสนุกเกอร์ดีขึ้น และตนเองในฐานะผู้ช่วยคณะกรรมการโอลิมปิคไทยเห็นว่า หากกีฬาประเภทนี้ได้รับการบรรจุเข้าแข่งขันใน “ซีเกมส์” ที่ประเทศอินโดนีเซียในปลายปี 2530 เชื่อแน่ว่าไทย จะได้เหรียญทองเพิ่มขึ้นอีก 3 เหรียญแน่นอน ดังนั้นจึงได้ให้ นายศักดา รัตนสุบรรณ ผู้อำนวยการนิตยสาร “คิวทอง” ทำหนังสือด่วนถึงประธานโอลิมปิคไทย พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ เพื่อนำเรื่องนี้เสนอไปยังประเทศเจ้าภาพ เพื่อบรรจุให้กีฬาประเภทนี้เข้าแข่งขันทันในปลายปีหน้า

นอกจากนี้นายสันติภาพ เตชะวณิช ยังแนะให้สมาคมสนุกเกอร์แห่งประเทศไทย รีบทำจดหมายส่งไปยังสมาคมสนุกเกอร์ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และ ฟิลิปปินส์ ให้ทราบล่วงหน้า เพราะหากมีการเสนอต่อมนตรีซีเกมส์ จะต้องมีประเทศเครือสมาชิกให้การสนับสนุน จึงจะบรรจุสนุกเกอร์เข้าแข่งขันได้ และตามกฎของซีเกมส์ หากมีประเทศเครือสมาชิกรับรองแค่ 2 ประเทศก็ถือว่ากีฬาประเภทนั้นแข่งขันในซีเกมส์ได้ แต่ถ้ามีผู้สนับสนุนแค่ชาติเดียว จะถือว่าเป็นการ “สาธิต” ไม่มีการนับเหรียญทองแต่อย่างใด ซึ่งเชื่อแน่ว่าหากไทยเสนอจะต้องมีประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิงคโปร์และมาเลเซียยกมือรับรองแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศต่างกำลังฮิตในกีฬาประเภทนี้

นายสันติภาพ เตชะวณิช ยังได้กล่าวอีกว่า ที่หันมาสนับสนุนกีฬาสนุกเกอร์นี้เพราะเห็นแล้วว่า นักกีฬาไทย ไม่เสียเปรียบทุกชาติและที่สำคัญมีฝีมือดีกว่าทุกชาติด้วย เพราะกีฬาประเภทนี้ไม่ต้องใช้กำลังหรือรูปร่างเข้าต่อสู้ และนักกีฬาไทยก็ทำชื่อเสียงมาสู่ประเทศได้ง่าย อย่างเช่นการแข่งขันชิงแชมป์โลกเมื่อปลายปีที่แล้ว หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษก็กล่าวขวัญอยู่เป็นประจำ และที่สำคัญกีฬาประเภทนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งผิดกับกีฬาประเภทอื่น ๆ ที่เล่นกันเป็นทีม เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล หรือวอลเล่ย์บอล เป็นต้น กว่าจะได้เหรียญทองสักเหรียญ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินหลายแสนบาท หากมาสนับสนุนกีฬาสนุกเกอร์ ซึ่งเล่นกันแบบบุคคลหรือประเภททีมก็ไม่เกิน 3 คน จะได้เหรียญทองง่ายกว่ามาก นายสันติภาพ เตชะวณิช ผู้ช่วยเลขาธิการโอลิมปิคกล่าวในตอนท้าย.

**************************************************************************************

21 เมษายน 2529

เรื่อง ขอให้หนุนกีฬาสนุกเกอร์แข่งขันซีเกมส์ปี 30 ที่อินโดนีเซีย

เรียน ท่านประธานโอลิมปิคไทยผ่านคุณสันติภาพ เตชะวณิช

          เนื่องจากกีฬาสนุกเกอร์ ซึ่งในปัจจุบันกำลังฮิตมาก เพราะมีการแข่งขันชิงแชมเปี้ยนโลกทั้งประเภทสมัครเล่น และประเภทอาชีพทุกปี นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียทุกปีเช่นกัน โดยนักสนุกเกอร์ไทยสามารถชนะเลิศของเอเชีย โดยได้เป็นแชมป์เอเชีย เมื่อปี 2527 และรองแชมป์เอเชียปี 2528 (ฮ่องกงชนะเลิศ) ซึ่งนับว่ากีฬาประเภทนี้ นักกีฬาไทยสามารถสู้กับทั่วโลกได้อย่างสบาย และในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่จะมีขึ้นในปลายปี 2530 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ใคร่ขอให้ทางโอลิมปิคไทยเสนอสนุกเกอร์ บรรจุเข้าแข่งขันในซีเกมส์ต่อประเทศเจ้าภาพด้วย เพราะเชื่อแน่ว่าในการประชุมมนตรีซีเกมส์จะมีประเทศเครือสมาชิกร่วมสนับสนุนด้วยแน่นอน อาทิเช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไนและฟิลิปปินส์ เพราะทุกชาติต่างมีนักกีฬาฝีมือดีรวมทั้งประเทศเจ้าภาพด้วย แต่ทุกประเทศที่กล่าวมานี้ฝีมือยังเป็นรองนักกีฬาไทย วัดได้จากการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว และการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศอังกฤษในปีเดียวกัน ซึ่งนักกีฬาไทยสามารถเข้าไปแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายในประเภทสมัครเล่น

          ในการนี้จึงเสนอมายังคณะกรรมการโอลิมปิค เพื่อให้ช่วยเสนอเรื่องขอให้มีกีฬาประเภทนี้เข้าแข่งขันถึงประเทศเจ้าภาพอีกครั้ง และทางสมาคมสนุกเกอร์แห่งประเทศไทย จะได้ทำหนังสือถึงสมาคมสนุกเกอร์ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ ให้ช่วยสนับสนุนหากมีการประชุมมนตรีซีเกมส์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและหวังว่าโอลิมปิคไทยจะให้การสนับสนุนกีฬาประเภทนี้ด้วยดี เพราะหากสามารถบรรจุกีฬาประเภทนี้ในซีเกมส์ได้ ประเทศไทย จะได้เหรียญทองเพิ่มขึ้นอีก 3 เหรียญทองค่อนข้างแน่นอน

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

นายศักดา รัตนสุบรรณ

(ประธานจัดการแข่งขัน)

(ทำการแทนนายกสมาคมฯ)

ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ปีที่ 2 ฉบับที่ 17 ปักษ์แรก พฤษภาคม 2529