ตำนานสนุกเกอร์อาชีพ (ไทยแลนด์แรงกิ้ง)
11 ม.ค. 62 |
การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพเพื่อเก็บคะแนนนสะสม (Thailand Snooker Ranking Circuit) เพื่อเป็นการวัดฝีมือของนักกีฬา เพื่อไต่เต้าไปเล่นอาชีพเกิดขึ้นเมื่อปี 2545 โดยนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย นายสินธุ พูนศิริวงศ์ ได้หารือกับคณะกรรมการบริหารสมาคมฯจนเกิดรายการนี้ โดยได้งบประมาณสนับสนุนจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเริ่มแรกมีการแข่งขันแค่ 4 รายการ โดยมีผู้เล่นให้ความสนใจสมัครแข่งขันรายการละ 90 คน และในปีต่อมาสมาคมฯเพิ่มจัดมากขึ้นเป็น 6 รายการปรากฏว่ามีนักกีฬาสมัครแข่งขันเกือบ 200 คน ดังนั้นสมาคมฯจึงต้องแบ่งจัดการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภทคือ ดิวิชั่น 1 และ ดิวิชั่น 2 โดยประเภทดิวิชั่น 1 คัดจากอันดับ 1-64 ส่วนดิวิชั่น 2 จากอันดับ 65 ขึ้นไปซึ่งมีผู้สนใจสมัครแข่งมากกว่า 300 คน หลักการคัดเลือกนักกีฬาระดับดิวิชั่น 2 เพื่อขึ้นชั้นไปเล่น ดิวิชั่น 1 จะคัดจากผู้ทำอันดับดีที่สุด 1-8 เลื่อนสู่ดิวิชั่นสูงสุดโดยกำหนดให้อันดับท้ายสุดของ ดิวิชั่น 1 จำนวน 8 คนลดชั้นลงมาอยู่ ดิวิชั่น 2 ซึ่งถือปฏิบัติจนทำให้เกิดการคึกคักจากการแข่งขันทั้ง 2 ประเภท แต่เมื่อปี 2557 เกิดมีการเปลี่ยนแปลงโดย กกท.มีงบสนับสนุนสมาคมกีฬาบิลเลียดฯจำนวนจำกัดดังนั้นจึงต้องตัดเหลือประเภทเดียวโดยไม่มี ดิวิชั่น 2 ซึ่งนักกีฬาทุกคนก็มีสิทธิ์ลงสมัครแข่งขัน ดิวิชั่น 1 ซึ่งมีผู้สมัครจำนวนมากโดยสมาคมฯให้สิทธิ์ นักกีฬา อันดับ 1-16 ของฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ต้องแข่งในรอบคัดเลือกจะลงแข่งในรอบ 64 และ 32 คนเพื่อคัด 1-16 ไปแข่งขัน ไทยแลนด์แรงกิ้ง ต่างจังหวัดซึ่งในแต่ฤดูกาลมีการแข่งขันรวม 7 จังหวัดและจังหวัดสุดท้าย รายการที่ 7 ถือว่าสำคัญสำหรับนักกีฬาเพราะใครที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้คือ แชมป์ประเทศไทย ประจำปี ซึ่งแตกต่างกับแชมป์ไทยแลนด์แรงกิ้ง ซึ่งต้องสะสมคะแนนสูงสุดทั้ง 7 รายการ ในปี 2562 สมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ได้เพิ่มเงินรางวัลสูงขึ้นเดิมทีรายการที่ 1-6 ชนะเลิศได้เงินรางวัล 150,000 บาท รองชนะเลิศ 65,000 บาท และตั้งแต่ปี 2562 เพิ่มเป็นชนะเลิศรายการ 1-6 รับ 200,000 บาท รองชนะเลิศ 80,000 บาทโดยอันดับ 3-8 ได้เงินรางวัลเพิ่มด้วย สำหรับผู้ชนะเลิศรายการสุดท้ายซึ่งถือเป็นรายการชิงแชมป์ประเทศไทยเดิม 200,000 บาท รองชนะเลิศ 80,000 บาท เพิ่มเป็นชนะเลิศ 300,000 บาท รองชนะเลิศ 150,000 บาท การเพิ่มเงินรางวัลเป็นนโยบายของนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดฯคนใหม่นายสุนทร จารุมนต์ เพื่อกระตุ้นให้นักกีฬามีความตั้งใจฝึกซ้อมมากขึ้นเพราะหากรางวัลสูง ผู้ที่จะคว้าแชมป์ต้องมีการฟิตซ้อมที่ดี การเพิ่มเงินรางวัลที่ทำให้นักกีฬามีรายได้สูง เนื่องมาจากได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเนเซอรัล เบฟ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มลำไยสกัดเข้มข้น P 80 โดยคุณประยุทธ มหากิจศิริ มีจุดประสงค์อยากเห็นนักสนุกเกอร์ไทยก้าวไปไกลในระดับโลกโดยเล็งเห็นว่า กีฬาประเภทนี้หากมีความตั้งใจและฝึกซ้อมดี คนไทย สามารถสู้กับคนทั่วโลกได้โดยล่าสุดขอแสดงความยินดีกับสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทยที่ส่ง นักกีฬาร่วมการแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลกที่ประเทศอียิปต์ได้แชมป์โลกทั้ง 3 ประเภทคือ นายธีรวัฒน์ ถิรพงษ์ไพบูลย์ (แมน นครปฐม) และนายภาสกร สุวรรณวัฒน์ (กร นครปฐม) คว้าแชมป์โลกประเภททีมชาย ส่วนประเภททีมหญิง น.ส.วรัตน์ฐนันท์ ศุภ์กฤศธเนส (แอม ร้อยครู) และน.ส.สิริภาพร นวนทะคำจัน (ใบพัด ศรีราชา) คว้าแชมป์กลับมาพร้อมประเภทซีเนียร์ (อายุเกิน 40ปี) นายพิสิษฐ์ จันทร์ศรี (หยิก สำโรง) เจ้าของแชมป์โลกซีเนียร์ 3 ปีซ้อนกับ นายสุชาครีย์ พุ่มแจ้ง (ขวัญ สระบุรี) จากการคว้าแชมป์โลก 3 ประเภทได้สร้างความฮือฮากับประเทศสมาชิกที่ร่วมการแข่งขันรวมถึงเจ้าภาพอียิปต์เป็นอย่างมากเพราะ นักสอยคิวไทยไม่ใช่เก่งเฉพาะประเภทชาย ประเภทหญิงและสูงอายุก็สามารถที่จะสู้กับทั่วโลกได้ซึ่งถือเป็นมุมมองอันกว้างไกลของ กกท.ที่ให้งบสนับสนุนกีฬาชนิดนี้เพื่อต่อยอดสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไป
|