ท่องเมืองจิงโจ้

24 ม.ค. 62

เรื่องที่เราตั้งหน้าตั้งตารอคอย และเอาใจช่วยอยู่วงนอก แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นหมันไปเสียแล้ว เป็นเรื่องของ คนกลุ่มหนึ่งที่เสนอต่อรัฐบาลที่จะขอให้รัฐบาลออกกฎหมายว่าด้วยเรื่อง “บ่อนคาสิโน” เรื่องที่เราตั้งหน้าตั้งตารอคอย และเอาใจช่วยอยู่วงนอก แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นหมันไปเสียแล้ว เป็นเรื่องของ คนกลุ่มหนึ่งที่เสนอต่อรัฐบาลที่จะขอให้รัฐบาลออกกฎหมายว่าด้วยเรื่อง “บ่อนคาสิโน”

พูดง่ายๆตามประสาชาวบ้าน ก็หมายถึงให้รัฐบาลอนุญาตให้มีการเล่นการพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีรัฐบาลเป็นเจ้ามือรายใหญ่คอยเก็บต๋งตามระเบียบว่างั้นเถอะ

เรื่องนี้หากเจาะกันผิวเผินตามระดับพวกเราๆก็คงเห็นว่ามันเป็นของดี เพราะทุกวันนี้ถึงห้ามมันก็ยังแอบๆซ่อนเร้นเล่นกันอยู่วันยันค่ำ มีกฎหมายออกมาทำให้รัฐบาลเก็บเงินจากกิจการพนันอันนี้เข้าพกเข้าห่อ นำไปบริหารและพัฒนาประเทศได้มากโขอยู่ในปีหนึ่งๆ

แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น เจาะให้ลึกลงไปแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองขึ้นมา จะมีคนกลุ่มหนึ่งหรือหลายๆกลุ่มเสียผลประโยชน์มหาศาล คนกลุ่มที่ว่านี้คงไม่ต้องเอ่ยออกมาเราๆท่านๆรู้อยู่แก่ใจ

จนแล้วจนเล่า พวกเราก็ได้แต่นั่งรอนอนรอว่าเมื่อไร จะมีเสรีภาพในการเล่นพนันให้มันถูกต้องตามกฎหมายเสียที

เห็นจะยืมคำของ “มหาจำลอง” มาว่า “รอชาติหน้า ตอนยี่สิบห้านอ” เสียแล้วมั้งพวก

“ความใจแคบ” ของคนระดับที่มีบทบาทในการบริหารประเทศนั้น ย่อมเป็นอุปสรรคในการพัฒนาบ้านเมือง ประเทศบ้านเมืองที่เจริญแล้ว พัฒนาแล้ว จิตใจของคนในชาติเขาจะต้องพัฒนาล่วงหน้าไปก่อน

ให้รู้จักการเสียสละรู้จักรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น รู้จักคำว่าเพื่อความถูกต้อง ยอมรับสภาพความเป็นจริง บ้านเมืองเราอย่าเพิ่งหวังถึงขนาดนั้น ดูกันแค่คำว่า “สปอร์ต”

ชาติที่เจริญทั้งหลายแหล่ คนของเขาจะ “สปอร์ต” และมี “สปิริต” มาก

 

 

คนไทยขาดคำว่า “สปอร์ต” สักแต่ว่ารู้จักใช้คำนี้ แต่ไม่เคยทำตัวแบบนี้ไม่ต้องอื่นต้องไกล หากคนไทยเรา มีนิสัย “สปอร์ต” คงจะมีคำแปลเป็นไทยใช้แทนความหมายของคำนี้อย่างหรูหราไปแล้ว

มาถึงตรงนี้ต้องขออนุญาตใช้คำพูดของมหาจำลองอีกครั้งหนึ่ง

คราวนี้เพิ่มไปอีก “หนึ่งนอ”

ถ้าจะรอกฎหมายคาสิโนออกมาบังคับใช้กัน จะต้อง “รอชาติหน้า ตอน 26.00 น.”

เฮ้อ...พูดไปก็ไลฟ์บอย มาดูประเทศที่เจริญแล้ว เขาสนอกสนใจในเรื่องการพนันมากน้อยแค่ไหน รัฐบาลยื่นมือเข้ามาอุ้มชูและแก้ไขปัญหาได้มากน้อยเพียงไรดีกว่า

ขอนำพวกเราขึ้นเครื่องบิน “แควนตัส” เหาะข้ามทวีปไปสู่ประเทสออสเตรเลียเดี๋ยวนี้เลยครับ

ประเทศออสเตรเลียมันร่ำรวยขนาดไหนไม่อาจรู้ได้ แต่...ตั้งแต่ “ไอ้กัน” มันถอนความช่วยเหลือออกไปจากเมืองไทยแล้ว ไทยก็ได้มหามิตรใหม่ “ออสเตรเลีย” ช่วยค้ำชูในเรื่อง “เงินกู้ยืม” และทุนการศึกษาต่างๆ ให้แก่นักเรียนไทยไปศึกษาหาความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆอื่นๆอีกจิปาถะ

บางคนอาจแคลงใจ ประเทศที่รวยแล้วคงไม่มีเรื่องคอรัปชั่น ผิดทั้งเพครับ ไอ้โรคคอรัปชั่นนี่มันเหมือนกับโรคระบาดหรือโรคเรื้อรัง ใครเคยทำเข้าแล้วอดทำอีกไม่ได้ ใครทำแล้วก็ต้องแพร่หลายไปให้คนในพวกเดียวกันทำด้วย

เมื่อก่อนนั้นเขาว่าออสเตรเลียบริสุทธิ์ผุดผ่องในเรื่อง “คอรัปชั่น” มาก จนมาหลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศออสเตรเลียได้เปิดอกกางแขนต้อนรับพวกอพยพจากสงครามโลก

มีหลายๆชาติที่อพยพมาในรุ่นนี้ชาติที่แสบสันต์มากกว่าเพื่อน เห็นจะเป็น “พวกอิตาเลี่ยน”

เชื่อกันว่า “พวกอิตาเลี่ยน” นี่แหละที่นำ “ระบบสินบน” มาใช้ในออสเตรเลีย จนข้าราชการรู้จักพิษสงของคำว่า “คอรัปชั่น” กันทุกวันนี้

และที่ร้ายไปกว่านั้น “การพนันทุกรูปแบบ” ที่มีในประเทศนี้ ก็เกิดจาก ไอ้เลี่ยน” อีกเช่นกัน

เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่า ฝรั่งออสเตรเลียมันเล่นพนันอะไรกัน มีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงยังไง และมีการรีดไถกันหรือไม่

ตอนเรียนหนังสือ เจอฝรั่งคนหนึ่งมันถามว่า “มาจากไหน”

เราบอกไปว่า “ไทยแลนด์”  มันพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงว่ารู้จักและเคยไปมาแล้ว สักอึดใจหนึ่งมันก็ส่ายหน้า พร้อมกับพูดว่า บ้านเมืองยู มันคอรัปชั่นมากเหลือเกินนิ”

เราก็ย้อนมันไปว่า “เมืองยูก็ครือกันแหละวะ” วันนั้นเผลอขับรถเลยเส้นติดไฟแดงเข้าหน่อยเดียว ตำรวจมันปรี่มาขอดูใบขับขี่สากล และพยักเพยิดให้ขับรถแอบข้างทาง กวักมือให้ไปหามันที่ลับตาคน

“แล้วไง” มันย้อน

“ไอก็ลืมตัวนึกว่าอยู่เมืองไทย รีบขยำแบงค์ละ 10 ดอลล์ยัดใส่มือมัน มันก็ดีใจหายรีบยัดเยียดใบขับขี่ใส่มือไอมาทันควันเหมือนกัน” เรารีบแก้ลำมัน ที่เสือกหาว่าบ้านเมืองเราอุดมไปด้วยคอรัปชั่น

มันยิ้มไม่ยักโกรธแฮะ ยังบอกหน้าตาเฉยต่อมาอีกว่า

ใครว่าบ้านไอไม่มีคอรัปชั่น แต่มันเป็นการคอรัปชั่นที่มีเทคนิค ผิดกับบ้านยูที่หน้าด้านกันเหลือทน บ้านเมืองไอมันคอรัปชั่นแบบที่เรียกว่า “อันเดอร์เดอะเทเบิ้ล” แต่บ้านเมืองยูมัน “ออนเดอะเทเบิ้ล” เว้ย

เออ...ก็ให้มันรู้กัน บ้านเมืองที่เคยด้อยพัฒนานี่ คนของรัฐนอกจากจะใจแคบแล้วยัง “หน้าด้าน” อีกด้วยฟะ!

ไหนๆมันก็กล้าคุยด้วยอย่างตรงไปตรงมาก็เลยถามไถ่มันเรื่องการพนันในบ้านเมืองนี้

มันก็ดีใจหาย นัดแนะเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ไปดูไปรู้ไปเห็นด้วยตนเองดีกว่า เผลอๆโชคดีได้เงินติดไม้ติดมือกลับบ้านอีก มันจะอาสานำไปเอง

เรื่องการพนันในประเทศออสเตรเลียนี่ “แฟร์” มาก เปิดให้เล่นทุกประเภทอย่างเสรี จะผิดกฎหมายและตำรวจเข้าไปจัดการได้ก็ต่อเมื่อ การพนันนั้นมีการ “เก็บค่าต๋ง” จากผู้เล่น และการเล่นครั้งนั้นส่งเสียงดังอึกทึกรบกวนเพื่อนบ้านข้างเคียงจนต้องร้องเรียนให้ตำรวจยื่นมือเข้ามาตักเตือน เรื่องนี้ก็แค่ตักเตือน ให้เล่นกันด้วยความสงบ

ส่วนใหญ่จะเปิดเป็นบ่อน ใช้ชื่อว่า “คลับ”นำหน้าหรือตามหลังก็แล้วแต่ความสะดวกความไพเราะ

จะเป็นสถานที่โอ่งโถง ปูพื้นห้องด้วยพรมอย่างดี มีกาแฟและเครื่องดื่มบริการฟรี พร้อมทั้งอาหารเบาๆกลั้วคอนิดหน่อย

ผู้ที่จะเข้าไปได้ต้องเป็นสมาชิกหรือแขกที่สมาชิกพาเข้าไป เจ้าของบ่อนหรือหุ้นส่วนแทบทุกบ่อนจะเป็น “ชาวอิตาเลี่ยน” บอกแล้วไง “ไอ้เลี่ยน” มันไปอยู่ที่ไหนมันก็นิยมการใช้ “สินบน” เข้านำหน้าธุรกิจของมัน มาเฟียที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลในอเมริกานั้น ก็ไม่ใช่พวกที่มาจาก “อิตาลี่” หรอกรึ

กว่าที่จะเข้าไปได้ เรากดออกที่หน้าประตูซึ่งปิดสนิท เอาหน้าเรายื่นไปให้ตรงกับกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ยามในนั้นจะดูจากเครื่องรับ พอเห็นคุ้นหน้ามันถึงจะเปิดสวิทไฟฟ้าอัตโนมัติให้ประตูเปิดเราถึงจะเข้าไปได้

ถึงตรงนี้บางคนอาจจะสงสัยว่า การพนันนี่มันไม่ผิดกฎหมาย แต่ทำไมมันถึงพิถีพิถันในการปล่อยให้คนเจ้าไปใช้บริการเสียเหลือเกิน

ผิดซิครับ มันผิดตรงที่คลับต่างๆเหล่านี้ ต่างก็เก็บค่าต๋งกันทั้งนั้น

 

 

การพนันในคลับที่ว่านี้ มีหลายชนิดให้เลือกเล่น ตั้งแต่ “แบล็คแจ็ค” คล้ายๆกับไพ่ป๊อกบ้านเรา มีอยู่สิบกว่าวง เจ้ามือที่แจกไพ่ ก็เป็นสาวๆที่แต่งตัวชะเวิบชะวาบเปลือยอกนิดๆส่วนใหญ่จะเป็นสาวฮ่องกง

พวกนี้เห็นสาวๆสวยยังงี้เถอะ มันแจกไพ่ไฟแลบเลย รวดเร็วจนมองมือมันไม่ทัน ผู้แทงหรือลูกมือจะหวังรวยน่ะยาก เพราะหากเจ้ามือมือไหนดวงไม่ดีลูกค้ากินเอาๆ เจ้าของบ่อนหรือคลับ ก็จะเปลี่ยนเจ้ามือใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าคนไหนมือดี กินลูกค้าได้ถึงจะให้เป็นเจ้ามือไปเรื่อยๆ

เห็นไหม เสียเปรียบมันตั้งเยอะ นอกจากจะเอาอกเปลือยๆ มารบกวนสมาธิลูกค้าแล้ว มันยังหมุนเวียนเปลี่ยนเจ้ามือเจ๋งๆมาลงบ่อยครั้ง จนพบเจ้ามือที่ “ดวงขึ้น” มันก็จะกินปัดตะหวาดไปเท่านั้นเอง

แล้วก็มาถึงการพนันหลักของคลับประเภทนี้

“เฮด-เทล” หรือแปลเป็นไทย “หัว-หาง” หรือ “หัว-ก้อย” แบบที่บ้านเราเรียก

แต่มันกลับไม่ใช่การใช้เหรียญสองเหรียญเท่าโต๊ะบิลเลียดขนาด 12 ฟุต และมีลูกเต๋าขนาดใหญ่สามลูกแต่ละลูก จะมีตัว “เอช” เขียนไว้ 3 ด้าน ตัว “ที” เขียนไว้อีก 3 ด้านที่เหลือ

เอาลูกเต๋าสามลูกนี้ใส่ลงในกระป๋องที่ทำด้วยหนัง ขนาดกระป๋องโอวัลตินขนาดกลางนั้นแหละ แล้วให้ลูกค้าเขย่าๆ และโยนให้กระเด็นออกจากกระป๋อง กระทบชิ่งที่ด้านตรงข้าม

ลูกเต๋าทั้งสามลูกออกอะไรมา ก็ถือว่า “เฮดหรือเทล”

เช่น ถ้าด้าน “เอช” หงายออกมาเป็นสองในสามหรือสาม ก็เรียกว่า “เฮด”

ใครที่แทงข้าง “เฮด” ก็มีสิทธ์ได้รับเงินไปหนึ่งเท่าตัว แทง 5 ดอลล์ ก็รับไป 5 ดอลล์ แต่จะถูกหักจากเจ้าของบ่อน 10 เปอร์เซ็นขณะนั้นเลย

นี่แหละถึงว่า ผิดกฎหมายเพราะการหัก 10 เปอร์เซ็นก็คือการเก็บต๋งนะเองแหละ

รอบๆโต๊ะจะรายล้อมด้วยลูกค้าตรงกลางทั้งสี่ด้านจะเป็นที่นั่งของคนจ่ายเงิน ส่วนเจ้าของคลับหรือหุ้นส่วนจะนั่งเก้าอี้สูงทีเดียว คอยดูแลสังเกตการณ์ทุกระยะทำไมหรือ?

มันรักษาผลประโยชน์นะซี หากไม่คอยเฝ้าดู คนจ่ายเงินกับคนแทงรู้กัน มันแทง 20 เหรียญ คนจ่ายอาจจะจ่าย 100 เหรียญก็ได้

ที่โต๊ะจะมีตารางสี่เหลี่ยมใหญ่ๆไว้ทั้งสี่ด้าน แบ่งครึ่งเป็น “เฮดกับเทล” ลูกค้าที่ยืนรอบโต๊ะจะแทงอะไรเท่าไร ก็หยอดเงินวางไปในช่องเฮดหรือเทลจำนวนเงินที่ตนเองต้องการ ไม่มีอั้นครับแบบนี้

ผู้มีหน้าที่โยน จะเป็นลูกค้า หากโยนออก “เฮด” ก็จะได้โยนไปเรื่อยๆ ทุกตาไป จนกว่าจะออก “เทล” หรือสละสิทธิ์ลูกค้าคนที่ยืนถัดไปจะโยนแทน เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

บางครั้งไปเจอลูกค้าที่ใจไม่ถึง หรือรู้ว่าตนเองดวงไม่ดี ก็สั่นหน้าเมื่อถึงคิวตัวเองโยนคนถัดไปก็จะเป็นคนโยนเอง

เกมแบบนี้ได้เสียเร็ว สนนราคาจ่าย ก็จ่ายเพียงเท่าตัว แต่ต้องเสียค่าต๋ง 10 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้งที่รับเงิน หากแทง “ทรีเฮดส์ หรือทรีเทลส์” หมายถึงต้องออกมา 3 เฮด หรือ 3 ที ก็จะจ่ายให้ 5 ต่อ แต่เราต้องบอกว่าแทงแบบนี้ หากออกมาเฮดหรือเทลธรรมดา หมายถึง ออกมาเพียง 2 ลูกอีกลูกหนึ่งเป็นหน้าอื่น ก็ถูกกินไปตามระเบียบ

หลังจากนั้นวันที่เข้าไปเหยียบเป็นวันแรกและลองๆหย่อนเงินแทงบ้างแล้ว ก็ติดใจแวะเวียนไปมาอีกหลายๆครั้ง ครั้งหลังๆไม่ต้องอาศัยฝรั่งเป็นใบเบิกทางเพราะยามมันชักจะคุ้นๆหน้ากันดี กดออดปั๊บ มันก็เปิดประตูกลให้ปุ๊บ

คืนหนึ่งขณะที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดจู่ๆไฟที่เปิดส่องบริเวณโต๊ะเฮด-เทลก้ดังพรึบทันใด ฝรั่งที่รอบข้างตัวผม ก็รีบเดินผละออกจากโต๊ะ เตร่ไปนั่งตามโซฟาบ้าง ดูวีดิโอบ้าง นั่งหน้าเคาน์เตอร์จิบกาแฟบ้าง เราเองนั้นก็ไม่รู้อะไรเกิดขึ้น ด้วยสัญชาติญาณเราก็ทำตามมันโดยอัตโนมัติ

ไม่ถึง 2 นาที ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 4 – 5 คน แต่งตัวอยู่ในชุดสูทอย่างดี ท่าทางมีอำนาจเดินเตร่ไปเตร่มา ดูตามโต๊ะที่แทงแบล็คแจ็คกัน แล้วก็ผลุบเข้าไปในห้องเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ทำงานของผู้จัดการคลับแห่งนี้

สักพักก็มีสัญญาณว่า เล่นต่อได้ ไพ่ก็สว่างขึ้นที่โต๊ะเฮด-เทลอีกครั้งหนึ่ง

มันเป็นอย่างไร อดสอดรู้ไม่ได้ ถามฝรั่งชาวมักกะโรนีที่เล่นอยู่ข้างๆมันก็ขยายควาให้ฟังว่า

พวกเมื่อกี้นี้มันเป็นตำรวจ ว่างๆกันก็มาหาค่าน้ำร้อนน้ำชา มันรู้อยู่ว่าเราผิดกฎหมาย มีการเก็บต๋งในการเล่นเฮด-เทลส่วนแบล็คแจ็คนั้นไม่ผิด เพราะไม่ได้หักเปอร์เซ้นต์จากคนได้ ถือว่าไม่มีการเก็บต๋งเลยเล่นได้โดยไม่ต้องเลิกขระที่พวกมันมาตรวจดู ส่วนเฮด-เทลนี้ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์จำต้องปิดไฟชั่วคราว เรียกว่า ให้เกียรติมันหน่อย

ผมก็สงสัยต่อ “แล้วมันมีการจับกันบ้างไหมนี่”

ไอ้ฝรั่งมักกะโรนีผมดำตอบว่า “เดือนหนึ่งจับครั้งหนึ่ง” แล้วแต่ใครจะซวยว่ามันมาจับเอาวันไหน

“ปัดโธ่” ผมคิดในใจ มันช่างเหมือนเมืองไทยเลยนิ

นี่ขนาดมีการพนันโดยไม่ผิดกฎหมาย ตำรวจก็ช่างมีวิธีรีดจากคนที่หาวิธีการเล่นให้ผิดกฎหมายแล้วเราไม่ลอง ให้มีกฎหมายคาสิโนบ้างหรือ ไม่ต้องไปเกรงใจว่าจะมีใครต้องสูญเสียผลประโยชน์ไป เพราะถึงจะมีกฎหมายอนุญาต แต่ก็ต้องมีข้อบังคับต่างๆนานา เจ้าของบ่อนคงมีเหมือนกันที่จะแหวกกฎข้อบังคับฝ่าฝืนกฎหมาย ผู้ที่คิดว่าจะขาดผลประโยชน์ก็คงจะมีลู่ทางทำมาหาเงิน คงจะไม่ทำให้รายได้นอกระบบก้อนนี้ลดน้อยลงเท่าไหร่หรอกน่า

วันไหนที่มีกฎหมายคาสิโนออกมาใช้ผมก็จะขอสาธิตการเล่นเฮด-เทลให้ชาวบ้านเขาดูเป็นรอบปฐมฤกษ์คงไม่ว่ากันเน้อ

 

(ตีพิมพ์นิตยสารคิวทอง ปีที่ 1 ฉบับที่ 8 , 15-30 ธันวาคม 2528)